10 แม่น้ำที่มีความสำคัญต่อโลก ตอนที่ 1

Volga River - แม่น้ำโวลก้า

แม่น้ำเป็นธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อสัตว์และมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่มาของน้ำดื่ม อาหาร  การเกษตร หรือแม้แต่เส้นทางการคมนาคม และอุตสาหกรรมในระดับโลก แม่น้ำจึงมีบทบาทสำคัญในสภาพแวดล้อม มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังคงสำคัญต่อไปในอนาคต พบกับ 10 แม่น้ำที่มีความสำคัญต่อโลก

1. Sepik River (แม่น้ำเซปิก)

แม่น้ำเซปิก คือแม่น้ำที่ยาวที่สุดบนเกาะของนิวกีนี โดยแม่น้ำแห่งนี้เริ่มต้นที่เทือกเขา Victor Emanuel ในเทือกเขากลาง และไหลลงสู่ทะเลบิสมาร์กโดยตรง ไม่มีสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเหมือนกับแม่น้ำสายอื่นๆ แม่น้ำเซปิกมีความคดเคี้ยวคล้ายกับงูเลื้อย ตลอดเส้นทางกว่า 5-10 กิโลเมตร จึงทำให้มีความยาวกว่า 1,126 กิโลเมตรเลยทีเดียว

ภาพโดย Aliasd

ผู้คนที่ใช้ชีวิตในแถบนี้ มีชาติพันธุ์ที่กระจายตัวอยู่แถบลุ่มแม่น้ำนับ 250 เผ่า แต่ละบ้านที่อาศัยอยู่ลุ่มแม่น้ำจะมีพาหนะอย่างเรือกันแทบจะทุกคน เรือเปรียบเป็นดั่งแขนขาของชาวบ้านบริเวณนี้ไปอย่างไม่น่าเชื่อ ในทางชีววิทยา ระบบแม่น้ำแห่งนี้เป็นระบบพื้นที่ชุ่มน้ำน้ำจืด ที่ไม่ปนเปื้อนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากแม่น้ำแห่งนี้ไม่มีการเกิดขึ้นของเมืองใหญ่ หรือโครงการพัฒนาต่างๆ และมีพันธุ์พืชรวมถึงสัตว์ที่หายากที่สุด

แต่แม้ว่าการพัฒนาจะมีขีดจำกัด ก็มีปัจจัยอีกหลายประการที่ทำให้สถานที่อันงดงามแห่งนี้เสื่อมโทรมลง เช่น การตัดไม้ทางอุตสาหกรรมที่ไม่ยั่งยืน การทำเหมืองทองแดงและทองคำ ดังนั้นพื้นที่ที่ครอบคลุมตอนกลางและตอนบนของลุ่มน้ำเซปิก กำลังได้รับการพิจารณาให้รวมอยู่ในรายการมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ในฐานะแหล่งมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมผสมผสาน

2. Mississippi River (แม่น้ำมิสซิสซิปปี)

แม่น้ำมิสซิสซิปปี เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลก มีที่มาจากภาษาของอินเดียนแดงมีความหมายว่า “แม่น้ำอันยิ่งใหญ่”  ถือเป็นเครือข่ายสาขาแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ด้วยความยาว 3,730 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่ทะเลสาบอีตาสคาซึ่งตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,575 เมตรเหนือน้ำทะเลในรัฐมินนิโซตา ไหลลงไปจรดอ่าวเม็กซิโกทางตอนใต้ของนิวออร์ลีนส์

ภาพโดย Jordan W

ในสมัยก่อน แม่น้ำสายนี้มีบทบาทสำคัญ ในการเดินทางของเรือกลไฟค้าขายสินค้าจำพวกไม้ อาหาร และฝ้าย แต่เมื่อรถไฟเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในทศวรรษที่ 1880 ภาพของการค้าขายทางเรือเลยเริ่มหายไป แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีเรือกลไฟสองสามลำ เช่น Delta Queen ที่ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของสายน้ำนี้อยู่

แม่น้ำสายนี้และที่ราบน้ำท่วม รองรับสัตว์ป่ามากกว่า 400 สายพันธุ์ และนกน้ำในอเมริกาเหนือประมาณ 40% อพยพไปตามเส้นทางบิน มีสถานที่ให้บริการอุทยานแห่งชาติ 7 แห่งตามทางเดินรวมถึงแม่น้ำแห่งชาติมิสซิสซิปปี้ 72 ไมล์ และในฐานะที่เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ รองจากแม่น้ำมิสซูรีที่อยู่ติดกัน แม่น้ำมิสซิสซิปปี้จัดหาน้ำดื่มให้กับคนหลายล้านคน และสนับสนุนอุตสาหกรรมการเดินเรือมูลค่า 12.6 พันล้านดอลลาร์ เป็นทางหลวงสายน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสายหนึ่งของโลก บรรทุกการค้าและอาหารไปทั่วโลก

 

3. Volga River (แม่น้ำโวลก้า)

ในยุโรปถือว่าแม่น้ำโวลก้าเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุด มีความยาวถึง 3,531 กิโลเมตร ในขณะที่รัสเซียมองว่าแม่น้ำนี้ เป็นแม่น้ำที่สำคัญที่สุดในประเทศ จาก 20 เมืองของรัสเซีย กว่า 11 เมือง

ภาพโดย Wikibelgiaan

แม่น้ำโวลก้ามีความสำคัญต่อรัสเซีย เมื่อเทียบกับการขนส่งสินค้าและการขนส่งภายในประเทศ แม่น้ำโวลก้ามีระบบแม่น้ำสายย่อยที่สำคัญมากมาย ให้ความชุ่มชื้นกับพื้นที่ 1.35 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดของรัสเซีย บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโวลก้า มีความยาวราว 160 กิโลเมตร โดยประกอบด้วยแม่น้ำสายเล็กๆ และคลองมากถึง 500 สาย เป็นบริเวณเดียวในรัสเซียที่เราสามารถพบดอกบัว นกกระทุง และนกฟลามิงโกได้

ในช่วง 3 เดือนของฤดูหนาว แม่น้ำจะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเกือบตลอดความยาวลำน้ำ ซึ่งตามแนวลำน้ำ มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ถึง 9 แห่ง และเขื่อนใหญ่อีกหลายแห่ง ก่อให้เกิดเป็นแหล่งเก็บกักน้ำหลังเขื่อนขนาดใหญ่มากมาย เขื่อนทุกแห่งตามแนวลำน้ำมีระบบชิปล็อกขนาดใหญ่ ที่จะทำให้เรือขนาดใหญ่สามารถเดินทางจากปลายสุดของแม่น้ำ ขึ้นไปจนเกือบถึงบริเวณต้นน้ำได้ ทำให้ดินแดนแถบนี้เป็นแหล่งผลิตพืชธัญญาหารสำคัญ นอกจากนั้นแถวนี้ยังมีแร่ธาตุสำคัญมากมาย อุตสาหกรรมปิโตรเลียมจำนวนไม่น้อยมีศูนย์กลางอยู่ในเขตลำน้ำนี้ นอกจากนั้น แถบนี้ก็ยังพบก๊าซธรรมชาติ เกลือ และโพแทช บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโวลก้า (Volga Delta) และทะเลแคสเปียนเป็นแหล่งตกปลา ซึ่งเมืองแอสตราแคน (Astrakhan) ที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมคาเวียร์อีกด้วย

ภาพปกโดย Ted.ns

(416)