ทีมนักโบราณคดีไขปริศนาเมืองโบราณในตะวันออกกลางใกล้กับเดดซีของจอร์แดน ชื่อว่า “Tall el-Hammam” ที่รุ่งเรืองเมื่อประมาณ 3,600 ปีก่อน ว่าเหตุใดเมืองนี้จึงล่มสลายลง?
หลายปีก่อน นักโบราณคดีได้ขุดค้นเมืองที่พังยับเยิน พวกเขาพบชั้นเถ้าถ่านสีดำ อิฐและเครื่องปั้นดินเผาที่หลอมละลาย เห็นได้ชัดว่ามันถูกทำลายด้วยพายุไฟที่รุนแรง เกินกว่าที่จะถูกเผาทำลายด้วยไฟทั่วไป การหาคำตอบต้องใช้เวลาเกือบ 15 ปีในการขุดค้นอย่างหนักโดยแรงงานหลายร้อยคน รวมถึงการวิเคราะห์รายละเอียดของวัสดุที่ขุดค้น โดยทีมนักวิทยาศาสตร์มากกว่า 20 คนจากสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสาธารณรัฐเช็ก ในที่สุดพวกเขาก็พบสาเหตุแล้ว
ก้อนหินน้ำแข็งจากอวกาศความเร็ว 60,000 กม./ชม. พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และระเบิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ประมาณ 4 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน การระเบิดครั้งนี้มีพลังมากกว่าระเบิดปรมาณูฮิโรชิมา 1,000 เท่า ชาวเมืองที่ตกตะลึงไม่ทันได้คิดหนี อุณหภูมิของอากาศสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือ 2,000 องศาเซลเซียส เสื้อผ้าและไม้ลุกเป็นไฟทันที ดาบ หอก อิฐโคลน และเครื่องปั้นดินเผาหลอมละลาย ทั้งเมืองตกอยู่ในกองเพลิง
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ ลมจากคลื่นสั่นสะเทือนความเร็ว 1,200 กม./ชม. ลมมรณะพัดผ่านเมือง ทำลายอาคารทุกหลัง รวมถึงพระราชวังสูง 12 ม. และพัดเศษซากไปยังหุบเขาถัดไป ผู้คน 8,000 คนและสัตว์ใด ๆ ในเมืองไม่มีทางรอดชีวิต ร่างกายของพวกเขาถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ และกระดูกของพวกเขาก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ประมาณหนึ่งนาทีถัดมา เมืองเจริโคตามพระคัมภีร์ ห่างจากทางตะวันตกของทัล เอล-ฮัมมัม 22 กม. ก็ถูกลมจากแรงระเบิดกระหน่ำจนกำแพงเมืองพังทลายลงและเมืองก็ถูกไฟไหม้เช่นกัน ซึ่งยืนยันได้ว่าเรื่องราวในพระคัมภีร์เกิดขึ้นจริง
แม้จะไม่มีใครยืนยันได้ถึงเหตุการณ์ในวันนั้น แต่จากหลักฐานการเผาไหม้ พวกเขามั่นใจว่ามันไม่ได้เกิดจากภูเขาไฟ แผ่นดินไหว หรือสงคราม ไม่มีไฟใดจากมนุษย์ที่จะสามารถหลอมโลหะ อิฐโคลน และเครื่องปั้นดินเผาได้ นอกจากนี้พวกเขายังพบเม็ดหินควอตซ์และอนุภาคของวัสดุที่มีความแข็งคล้ายเพชรในชั้นดิน (Diamonoids) ซึ่งเกิดจากไม้และพืชในพื้นที่ถูกเปลี่ยนเป็นวัสดุคล้ายเพชรทันทีโดยแรงกดดันและอุณหภูมิมหาศาลอีกด้วย
ที่มา sciencealert
(3381)