ค้างคาวดำในหมู่คนไทยใหญ่จะเรียกว่า “ตองจิงดำ” ซึ่งนอกจากจะเป็นผัก เป็นยาของคนไทยแล้ว ค้างคาวดำยังเป็นว่านอาถรรพ์ มีผีประจำต้นที่แรง ถ้าจะเอามาปลูกในบ้าน ห้ามปลูกหน้าบ้าน ต้องปลูกไว้ท้ายบ้าน มิเช่นนั้นจะเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดบ่อยๆ ค้างคาวดำมีลักษณะคล้ายกับค้างคาว ชาวบ้านบอกว่าต้นนี้เป็นยาบำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อย
หมอพื้นบ้านพื้นเมืองเลยนิยมใช้ค้างคาวดำในการทำเป็นยา รักษาความดันโลหิตสูง แก้ลมหน้ามืดตาลายที่เกิดจากความดันโลหิตสูง แก้กษัย โดยนำหัวมาฝาน ตากให้แห้ง แล้วนำมาแช่น้ำร้อนกิน หรือฝานแล้วเคี้ยวกินเลย ปัจจุบันพบว่าสารซาโปนินในค้างคาวดำมีฤทธิ์ลดความดันได้
คนไทยมุสลิมนิยมใช้ค้างคาวดำในการรักษาอาการปวดท้อง โดยนำใบมาต้มน้ำดื่มแก้เจ็บในท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ (ตำรับของแมะ จังหวัดยะลา) ส่วนหมอยาไทยใหญ่ หมอยาเมืองเลยต่างนิยมใช้ค้างคาวดำในการรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง โรคกระเพาะ อาหารเป็นพิษ โดยเอาหัวมาดองเหล้าหรือต้มกิน
ค้างคาวดำเป็นผักกินสด โดยส่วนใหญ่จะกินส่วนที่เป็นดอกและใบอ่อน เป็นผักกินแกล้มลาบหรือกินกับน้ำพริก แจ่ว เป็นต้น
ตำรับยารักษาความดันโลหิตสูง
หัวฝานตากแห้ง ชงน้ำร้อนกิน หรือทานสดๆ โดยฝานแล้วกินเลย
ตำรับยาแก้โรคกระเพาะ ปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารเป็นพิษ
ใช้ใบมาต้มน้ำดื่มแก้เจ็บในท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ตำรับยาเบาหวาน
นำทั้งต้นมาสับตากแห้ง ต้มน้ำดื่ม
(519)