Solar Flare หรือเปลวสุริยะ คือการลุกจ้าอย่างรุนแรงจากชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ ซึ่งปรากฏการณ์นี้เคยปลดปล่อยอนุภาคที่มีพลังงานมหาศาลยิ่งกว่าพายุสุริยะและสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ระบบพลังงานและโทรคมนาคมของโลกเมื่อปี 2014
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน École Polytechnique และสถาบัน CNRS ของฝรั่งเศสพบว่าเกิดจากกลไกภายในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กอย่างฉับพลัน ซึ่งความผันผวนนี้ทำให้เกิดการปะทุปลดปล่อยมวลโคโรนา (Corona Mass Ejection – CME) ซึ่งเป็นกลุ่มก๊าซร้อนมีประจุพลังงานสูง หรือที่เรียกว่าพลาสมาออกมา
จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากปี 2014 พบว่าที่ชั้นบรรยากาศด้านบนของดวงอาทิตย์จะมีโครงสร้างสนามแม่เหล็ก 2 แบบ กล่มแรกจะมีลักษณะเหมือนกับเส้นเชือกบิดตัว ซึ่งจะถูกกักอยู่ภายใต้สนามแม่เหล็กที่คล้ายกรงที่ครอบอยู่ โดยปกติแล้วสนามแม่เหล็กชั้นในจะมีพลังอ่อนกว่า แต่เมื่อโครงสร้างชั้นในมีการบิดตัวอย่างรุนแรง จะทำให้เกิดความปั่นป่วนของสนามแม่เหล็กสูงจนเกิดการปะทุแทรกออกมาได้ การศึกาษานี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถคาดการณ์ปรากฏการณ์โซลาร์แฟลร์ครั้งต่อไปได้อย่างรวดเร็วแม่นยำมากขึ้น รวมถึงระดับพลังงานสูงสุดที่จะมีการปลดปล่อยออกมาด้วย
(269)
