ตำราโบราณ ภูมิปัญญาที่เดินทางข้ามกาลเวลา

มนุษย์ในอดีตต้องเรียนรู้ทุกอย่างด้วยการลองผิดลองถูก ตั้งแต่การหาอาหาร รักษาโรค ไปจนถึงการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และเมื่อค้นพบสิ่งใดที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น พวกเขาย่อมต้องการบันทึกความรู้นั้นไว้ ไม่ใช่เพื่อจำเพียงชั่วคน แต่เพื่อให้สืบทอดต่อกันไปอย่างไม่มีวันสูญหาย

วิวัฒนาการของการบันทึกความรู้ของมนุษย์
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษย์ บรรพบุรุษของเราได้ค้นพบวิธีบันทึกเรื่องราวและองค์ความรู้ต่าง ๆ มาหลายวิธีและได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากการใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทานที่สุดที่มีในพื้นที่ที่พอจะหามาได้

จากเมโสโปเตเมียที่ใช้ดินเหนียวเผาเขียนอักษรรูปลิ่มอันเก่าแก่ที่สุดของโลก สู่อียิปต์ที่คิดค้นกระดาษปาปิรุสอันพกพาง่าย
ไปจนถึงยุโรปที่บันทึกด้วยหมึกบนหนังสัตว์ และจีนที่ใช้ไม้ไผ่แผ่เรียงเป็นม้วน

การจดบันทึกของมนุษย์พัฒนาไปพร้อมกับวัสดุและสิ่งแวดล้อมในแต่ละภูมิภาค ซึ่งทำให้ “การเขียน” ไม่ใช่แค่การถ่ายทอดข้อมูล แต่เป็นมรดกวัฒนธรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละแผ่นดิน

สำหรับประวัติศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะในแถบดินแดนล้านนาซึ่งอุดมไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติ การจดบันทึกจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยการนำวัสดุจากธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม นั่นคือ ตำราโบราณ ที่ชาวน่านเรียกว่า ‘ปั๊บสา หรือ พับสา’ เป็นมรดกทางปัญญาที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตคนไทยมาอย่างยาวนาน
รากฐานการจดบันทึกของชาวล้านนา

สังคมล้านนาในอดีต การจดบันทึกนั้นมีต้นกำเนิดมาอย่างยาวนานและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยชาวล้านนาจะนิยมใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ใบลาน และกระดาษปอสา มาเป็นสื่อในการบันทึกความรู้ โดยหลัก ๆ แล้วจะนิยมบันทึกลงบนวัสดุ 2 แบบ ได้แก่

  •  ตำราใบลาน
    ตำราที่ทำจากใบของต้นลานซึ่งผ่านกรรมวิธีให้มีความคงทน แล้วใช้เหล็กจารตัวอักษรล้านนาลงไปอย่างบรรจง ส่วนใหญ่ตำราโบราณที่ทำจากใบลานมักใช้บันทึกเรื่องราวทางพุทธศาสนา เช่น พระไตรปิฎก และตำราการแพทย์ต่าง ๆ คนไทยโบราณจึงมักเรียกตำราเหล่านี้ว่า “คัมภีร์ใบลาน”
  • ปั๊บสา / พับสา
    ตำราที่เป็นกระดาษสาซึ่งทำจากเปลือกปอสา โดยนำกระดาษสาที่ได้มาเขียนบันทึกด้วยอักษรล้านนา และเก็บรักษาโดยการพับทบไปมาคล้ายกับหีบเพลง พับสาจะมีความเหนียว ทนทาน และสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าใบลาน ชาวล้านนาจึงนิยมใช้บันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ กฎหมายและการปกครอง บันทึกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ประเพณี รวมถึงตำรายาโบราณ

พับสาเมืองน่าน ขุมทรัพย์ที่นำไปสู่การค้นพบหญ้ายา จังหวัดน่านเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ยังคงมีหลักฐานของตำราโบราณที่ชัดเจน โดยเฉพาะพับสาหรือที่ชาวน่านเรียกกันว่า ปั๊บสา ที่บันทึกเรื่องราวสำคัญของวิถีชีวิตบรรพบุรุษไว้ได้อย่างดี ตั้งแต่เรื่องเล่า ตำนาน ประเพณีความเชื่อ ไปจนถึงตำรายาโบราณที่ใช้กันในชุมชน

การค้นพบการใช้พืชที่มีสรรพคุณทางยาในการรักษาโรคของคนล้านนาในตำรายาโบราณ จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ไขไปสู่การพัฒนาองค์ความรู้อันเก่าแก่จนกลายเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ทางเลือกใหม่ในยุคปัจจุบัน

จากตำราโบราณ สู่การแพทย์ทางเลือกยุคใหม่

เรื่องราวของหญ้ายา ไม่ได้เป็นเพียงการรื้อฟื้นความรู้ในตำราเก่า แต่คือการ “ต่อยอด” ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ก้าวทันวิทยาศาสตร์ เป็นการคืนชีวิตให้ตำราหลายร้อยปี และเปลี่ยนให้กลายเป็นนวัตกรรมการแพทย์ที่น่าเชื่อถือในปัจจุบัน

เพราะความรู้…ไม่เคยตายไปไหน
มันเพียงรอวันที่ใครสักคนจะเปิดตำราเก่า ๆ แล้วปลุกมันให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ข้อมูลอ้างอิง
https://yaya.co.th/700-year-old-medicinal-book/
https://zujipuli.com/blog
https://phil-re4you.blogspot.com/2015/08/blog-post.html
https://yaya.co.th/700-year-old-medicinal-book/
https://thaiartisan.org/article/7

(116)