ในขณะนี้ประเทศไอซ์แลนด์มีบริษัทเพียง 2 รายเท่านั้นที่มีการล่าวาฬ ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก และนักอนุรักษ์ได้กล่าวว่าอุตสาหกรรมนี้ไร้มนุษยธรรม และไม่ส่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจรวมถึงท้าทายกฏหมายนานาชาติในเรื่องการฆ่าวาฬ แต่ทว่ารัฐบาลไอซ์แลนด์ประกาศว่าจะอนุญาตให้มีการฆ่าวาฬได้ถึง 2,000 ตัว ภายใน 5 ปีขึ้นมา ประกาศฉบับนี้เป็นแถลงการณ์ของกระทรวงประมงและการเกษตร ซึ่งเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่าสามารถล่าวาฬฟินได้สูงสุด 209 ตัว และวาฬมิงกี้ 217 ตัว ในแต่ละปีระหว่างปี พ. ศ. 2561-2568
รัฐมนตรีกระทรวงประมงของประเทศไอซ์แลนด์ Kristján Þór Júlíusson กล่าวว่า โควต้าการล่าวาฬฉบับใหม่นั้นเป็นสิ่งที่ยั่งยืนสามารถสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ และมีการวิจัยจากสถาบันวิจัยทางทะเลแห่งชาติรองรับ
โฆษกรัฐมนตรีกล่าวในแถลงการณ์ว่า “การล่าวาฬในน่านน้ำของประเทศไอซ์แลนด์นั้นจำกัดเฉพาะจุดที่มีวาฬจำนวนมากเท่านั้น และต้องเป็นวาฬมิงกี้และวาฬฟินธรรมดา ๆ ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนบน ซึ่งมีวิทยาศาสตร์มารองรับ และมีจัดการอย่างเคร่งครัดเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ”
อย่างไรก็ตามนักกิจกรรมและนักอนุรักษ์ธรรมชาติไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ สมาคมสิ่งแวดล้อมของไอซ์แลนด์ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงงานวิจัยที่กระทรวงประมงนำมารองรับ และองค์กร Whale and Dolphin Conservation (WDC) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีเป้าหมายเพื่อปกป้องวาฬทั่วโลกกล่าวว่าการล่าวาฬไม่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของไอซ์แลนด์อีกต่อไปและจะขาดการสนับสนุนจากสาธารณะ
รายงานจากมหาวิทยาลัยไอซ์แลนด์กล่าวว่า การชมวาฬมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจถึง 13.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่การล่าวาฬอย่าง บริษัท ล่าวาฬ Hval hf สนับสนุนเศรษฐกิจเพียง 8.4 ล้านเหรียญ จากรายงานพบว่ามีผู้รับชมวาฬมากกว่าการล่าวาฬ แต่การล่าวาฬมีค่าแรงสูงกว่าถ้าเทียบกันในแต่ละครั้ง รายงานดังกล่าวยังสรุปว่า “ชาวไอซ์แลนด์สามารถจัดการกับการล่าปลาวาฬอย่างมีความรับผิดชอบได้”
ในทางตรงกันข้าม WCD ให้เหตุผลว่าแทนที่จะพึ่งพาวิทยาศาสตร์ และงานวิจัยของประเทศตนเอง ไอซ์แลนด์ควรจะฟังเสียงของประเทศทั่วทั้งโลก และหยุดการล่าวาฬ คณะกรรมาธิการการล่าปลาวาฬนานาชาติได้สั่งห้ามการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ในปี 2529 แต่ไอซ์แลนด์ยังคงแย้งต่อการล่าปลาวาฬด้วยนโยบายของตนเองแม้จะเป็นสมาชิกของ IWC ด้วยก็ตาม และเมื่อปีที่แล้ว บริษัท ล่าวาฬในไอซ์แลนด์ Hvalur hf ได้รับการกล่าวโทษจากทั่วโลกหลังจากมีรายงานว่ามีการฆ่าวาฬสีน้ำเงินซึ่งผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
ในขณะที่ญี่ปุ่นก็ยังคงได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการใช้ช่องโหว่มาล่าวาฬเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์ในขณะที่มีการออกคำสั่งห้ามล่าวาฬจากนานาชาติ ตามที่คณะกรรมาธิการการล่าวาฬนานาชาติกล่าวในเว็บไซต์ว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่าการล่ามากเกินไปโดยเฉพาะการล่าเพื่ออุตสาหกรรมนำไปสู่การลดลงของประชากรวาฬอย่างรุนแรงและจำนวนมากทั่วโลก
“มันเป็นวิธีที่น่ากลัวในการฆ่าสัตว์” บัตเลอร์ – สเตราด์กล่าว “คุณต้องมีเหตุผลที่ดีในการฆ่าสัตว์ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแต่ให้เป็นอาหารแก่นักท่องเที่ยวและส่งออกไปยังตลาดที่ญี่ปุ่นเท่านั้น ฉันยังไม่เห็นว่าการให้ไอซ์แลนด์จะต้องออกไปล่าวาฬในเวลานี้”
(1598)
