ห่างออกไปประมาณ 5 ไมล์ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองโฮโนลูลู คือพื้นที่ของสวนสาธารณะส่วนบุคคลที่มีเนื้อที่ราว 24 เอเคอร์ สวนนี้มีชื่อว่า ‘สวนโมอานาลูว์’ สวนนี้เป็นที่รู้จักกันดีจากรางวัลงานเทศกาล Prince Lot Hula Festival เทศกาลที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนหนาแน่น โดยพวกเขามาเพื่อที่จะเข้าร่วมเวิร์คช็อปงานศิลปะและวัฒนธรรมกัน รวมไปถึงในเทศกาลนี้ยังประกอบไปด้วยบูธอาหาร ผู้ทำงานฝีมือที่ต่างเอาผลงานของตัวเองเข้ามาโชว์และสาธิตภายในงาน และยังรวมไปถึงแหล่งสถานที่สำคัญต่างๆที่ถูกจัดแสดงในเทศกาล
เทศกาล Prince Lot Hula Festival ได้รับแรงบัลดาลใจและการตั้งชื่อมาจากเรื่องจริงของเจ้าชายแห่ง Lot Kapuaiwa ผู้เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์คาเมฮาเมฮา หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม ‘พระเจ้าคาเมฮาเมฮาที่ 5 แห่งฮาวาย’ ในคราที่พระเจ้าคาเมฮาเมฮายังมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น ได้จัดเทศกาลนี้ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นพิธีต้อนรับต่อแขกของตนเองที่เข้ามาเยี่ยมเยี่ยน โดยพระองค์ได้ให้มีการแสดงของนักเต้นฮูล่าให้มาสร้างความบันเทิงใจแก่แขกของพระองค์ ในขณะเดียวกันผู้เผยแผ่ศาสนาอย่างมิชชั่นนารีต่างก็มองว่าศิลปะการเต้นระบำฮูล่าเป็นการเต้นที่ไร้ศีลธรรมและยังไร้สาระในสายตาของพวกเขา สวนโมอานาลูว์จึงถือเป็นบ้านในความทรงจำในวัยเด็กของพระเจ้าคาเมฮาเมที่ 5 ที่ทรงรักและผูกพันมาอย่างยาวนาย ในวันนี้สวนแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นที่ตั้งของสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ เช่น เป็นที่พักของกษัตริย์, วิหารศักดิ์สิทธิ์, บ่อปลาคารฟ์และพืชพันธุ์ต้นไม้หายากมากมาย
ปัจจุบันสวนแห่งนี้เปิดสู่สาธารณชนและผู้ที่ต้องการมาเยี่ยมชมโดยมีการคิดค่าบริการในการเข้าชมสวนแห่งนี้ โดยรายได้จากจากการขายตั่วค่าเข้าสวนแห่งนี้ จะนำไปเป็นค่าบำรุงรักษาสวนแห่งนี้ แต่ว่าค่าใช้จ่ายหลักส่วนใหญ่นั้นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น ฮิตาชิ ได้เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนี้ เพราะเหตุผลอะไรน่ะหรือ? อาจจะเป็นเพราะเจ้าต้นไม้ต้นใหญ่ที่ถูกปลูกและดูแลรักษาอยู่ในสวนแห่งนี้ก็เป็นได้
ต้นไม้ต้นนี้เต็มไปด้วยความสวยงามและน่ามอง ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนี้เป็นต้นก้ามปู ที่มีอายุยาวนานมากกว่าหนึ่งร้อยปีหรือราวๆหนึ่งร้อยสามสิบปี มีรูปทรงร่มเงาที่โดดเด่น ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้เติบโตขึ้นกลางสวนแห่งนี้ ใบของมันสามารถให้ร่มเงาครอบคลุมบริเวณพื้นที่ตรงนั้นไปกว่า 40 เมตร เมืองโฮโนลูลูได้แต่งตั้งให้ต้นไม้ต้นนี้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์และเป็นต้นไม้ที่ได้รับการคุ้มครองจากชาวเมืองแห่งนี้ นอกจากนี้ต้นไม้อายุยืนร้อยปีต้นนี้ยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของบริษัทที่ได้รับความรักมากมายของญี่ปุ่นอีกด้วย
ในปี 1973 บริษัทฮิตาชิได้ใช้ภาพและวิดีโอฟุตเทจของต้นไม้ต้นนี้ ที่รู้จักกันทั่วไปว่า ‘ต้นไม้ฮิตาชิ’ (Hitachi Tree) ให้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของบริษัทพวกเขา เว็บไซต์ของพวกเขาได้ใช้ต้นไม้ต้นนี้เป็นสัญลักษณ์ของ ‘comprehensive drive’ ของพวกเขา และเป็น ‘wide business range’ แห่งบริษัทแห่งฮิตาชิ
“จนถึงวันนี้ภาพลักษณ์ของบริษัทฮิตาชิได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมมากมาย โดยใช้ความสามารถและเทคโนโลยี รวมไปถึงความร่วมมือและความทุ่มเทของบุคลากรในบริษัทเป็นส่วนประกอบสำคัญ” นี่เป็นข้อความแถลงการณ์ถึงเจตจำนงและความสามารถของบริษัทที่พวกเขาได้ขึ้นไว้บนหน้าเว็บไซต์ของฮิตาชิ ข้อความแถลงการณ์นี้ยังมีต่ออีกว่า “ต้นไม้ต้นนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของความน่าเชื่อถือของกลุ่มฮิตาชิที่เป็นมิตต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มคุณค่าแบรนด์ของฮิตาชิด้วยการแสดงภาพลักษณ์ของสโลแกน “Inspire the Next””
ฮิตาชิเป็นหนึ่งในบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น และเป็นที่รู้จักกันดีในแบรนด์ที่เป็นที่รักและน่าเชื่อถือ เนื่องจากโครงสร้างบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ฮิตาชิจึงได้กลายเป็นบริษัทที่มีความนิยมสูงมากในประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจำนวนมากมายได้เดินทางไปเข้าชมสวนโมอานาลูว์อย่างใกล์ชิดทุกวัน เพื่อที่พวกเขาจะได้ชื่นชมต้นไม้และได้ถ่ายรูปพร้อมกับมีต้นฮิตาชิเป็นฉากหลังในรูปของพวกเขา
บริษัทฮิตาชิได้จ่ายเงินเป็นประจำทุกปีเป็นจำนวนเงิน 20,000 เหรียญสหรัฐให้กับ Samuel Damon ผู้เป็นเจ้าของสวนโมอานาลูว์แห่งนี้ เพื่อเป็นค่าลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฏหมายสำหรับการใช้ต้นไม้ต้นนี้เป็นภาพลักษณ์ในการโฆษณาองค์กรของพวกเขา แต่หลังจากที่ Samuel Damon ได้เสียชีวิตลงในปี 2004 สวนแห่งนี้ก็ได้ถูกซื้อต่อไปโดยบริษัทท้องถิ่นที่มีชื่อว่า Kaimana Ventures โดยเจ้าของบริษัทแห่งนี้ได้มีการต่อรองกับบริษัทฮิตาชิให้มีการเพิ่มเงินการจ่ายต่อปีเป็น 400,000 เหรียญสหรัฐ และตามข้อตกลงที่ตกลงกันเอาไว้กับ Kaimana Ventures รายได้จากฮิตาชิบางส่วนจะช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายปี 600,000 เหรียญสหรัฐสำหรับสวนแห่งนี้
(4294)