ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของเรา และมีความเชื่อมากมายด้านสุขภาพและอาหารการกินที่เกี่ยวข้องกับผิว นักวิชาการด้านแพทย์ผิวหนังจึงได้นำ “ข้อเท็จจริง” ที่หลายๆ คนเข้าใจผิดมาฝากกัน และนี่คือบางส่วนที่ได้รับการแชร์กันมากที่สุด ดังนั้นข้อมูลที่เรานำมาฝากกันนี้… คุณสามารถวางใจได้
- ผิวจะซ่อมแซมตัวเองอย่างต่อเนื่อง
เป็นความจริง: ผิวเป็นเหมือนป้อมปราการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันอันตรายระหว่างสภาพแวดล้อมภายในร่างกายของคุณกับโลกภายนอก เซลล์ที่เรียกว่า Keratinocytes ในหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) จะมีการแบ่งตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันเซลล์เก่าให้เคลื่อนตัวขึ้นจนกระทั่งหลุดลอกออก ผิวหนังจึงกลายเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ที่สามารถในการแบ่งและสร้างตัวเองได้
- ดื่มน้ำวันละสองลิตรเพื่อสุขภาพผิวที่ดี
ไม่เป็นความจริง: ปริมาณน้ำที่คุณดื่มไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อผิวของคุณ แต่น้ำจะถูกส่งไปยังผิวหนังผ่านการไหลเวียนของเลือดที่ไหลผ่านผิวหนังชั้นใน ซึ่งน้ำจะถูกดูดซึมออกไปจากผิวได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้ง น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อความชุ่มชื้นของผิวหนัง จึงทำให้ผิวของคุณดูหมองคล้ำและยืดหยุ่นน้อยลงเมื่อคุณขาดน้ำอย่างรุนแรง ในคนที่มีสุขภาพแข็งแรง อวัยวะภายในอย่างตับ ไต หัวใจ และหลอดเลือด จะทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำที่เข้าสู่ผิว ดังนั้นจึงไม่มีการกำหนดปริมาณที่แน่นอนของน้ำที่ร่างกายต้องการ เพราะความต้องการนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาโดยขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำที่สูญเสียไปนั่นเอง
- ความเครียดสามารถทำให้ผิวสุขภาพแย่ได้
เป็นความจริง: มีบทความสุขภาพมากมายที่กล่าวถึงผลเสียของความเครียด หนึ่งในนั้นคือปัญหาสภาพผิวที่แย่ลงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ที่สร้างฮอร์โมนความเครียดรวมถึงคอร์ติซอล ฮอร์โมนสเตียรอยด์ที่ถูกผลิตโดยต่อมหมวกไต
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ผมร่วง เกิดจากภาวะ Auto-immune ซึ่งเป็นกระบวนการที่ภูมิคุ้มกันเข้าทำลายเนื้อเยื่อหรือสร้างเซลล์ขึ้นโดยไม่จำเป็น เมื่อออโตอิมมูนโจมตีรูขุมขนเนื่องจากฮอร์โมนที่ปกติ จึงทำให้เส้นผมหลุดร่วง อีกตัวอย่างคือโรคสะเก็ดเงิน ภาวะนี้จะทำให้ผิวหนังมีความหนาขึ้นอย่างผิดปกติ จนเกิดการอักเสบ เป็นสะเก็ด และมีอาการแดงคัน มักเกิดขึ้นพร้อมกับโรคหอบหืด ไข้ละอองฟาง และโรคภูมิแพ้อื่น ๆ
- กินช็อคโกแลตทำให้เกิดสิว
ไม่เป็นความจริง : Acne vulgaris เป็น “สิววัยรุ่น” ทั่วไปที่สามารถเกิดขึ้นได้ถึงช่วงอายุ 30 และ 40 ปี ซึ่งเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาที่ฮอร์โมนมีต่อต่อมไขมันใต้ผิวหนัง รวมถึงการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของผิวหนังต่อรูขุมขนและจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่บนผิวหนัง การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงนั้นไม่ดีต่อสุขภาพด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ไม่ก่อให้เกิดสิว
นอกจากนี้ยังมียารักษาสิวบางตัว เช่น ยารักษาสิว Isotretinoin ที่ถูกกำหนดให้กินพร้อมกับอาหารที่เป็นไขมันรวมถึงช็อกโกแลต เพราะจะทำให้ยาถูกดูดซึมได้ดีอีกด้วย
- ผงซักฟอกเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลาก
ไม่เป็นความจริง : กลากคือสภาพผิวที่แห้งคันและแดง เกิดขึ้นได้จากทั้งสภาพผิวที่เป็นมาแต่กำเนิด และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดการอักเสบ
สาเหตุที่สบู่และผงซักฟอกสามารถทำให้ผิวระคายเคืองและนำไปสู่ความแห้งกร้านได้ ก็เพราะเป็นการเอาน้ำมันที่เคลือบผิวออกไป โดยสารซักฟอกนั้นจะประกอบด้วยเอนไซม์หรือโปรตีนที่มีคุณสมบัติในการสลายไขมันและโปรตีนอื่น ๆ เพื่อขจัดคราบสกปรก และสิ่งเหล่านี้เองที่สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังที่บอบบาง ดังนั้น สารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวการของกลาก แต่เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาการแย่ลงเท่านั้น
และที่สำคัญ อย่าลืมล้างน้ำยาซักผ้าใด ๆ ออกจากเสื้อผ้าให้มากที่สุดก่อนที่จะสวมใส่ เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิวหนังกันด้วยนะ
- รอยขาวบนเล็บ = ขาดแคลเซียม
ไม่เป็นความจริง : เล็บถูกผลิตขึ้นจากหน่วยที่มีหน้าที่สำหรับสร้างเล็บโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณขอบของเล็บ หากมีอาการบอบช้ำ ถูกกระแทก หรือบาดเจ็บ ความผิดปกติในการพัฒนาของเล็บก็จะเกิดขึ้นโดยจะปรากฏเป็นลักษณะสีขาวเมื่อเล็บโตขึ้น แม้ว่าแคลเซียมจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความแข็งแรงของเล็บ เช่นเดียวกับกระดูกและฟัน แต่ลักษณะสีขาวเหล่านี้ไม่ได้เป็นสัญญาณของการขาดแคลเซียมแต่อย่างใด
- แสงแดดดีสำหรับผิวคุณ
หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกดีในวันที่อากาศสดใส แต่แสงแดดก็มีทั้งผลกระทบที่ดีและไม่ดีต่อผิวของเราเช่นกัน
ทั้งเป็นความจริงและไม่จริง: แสงจากดวงอาทิตย์มีส่วนผสมของความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน บางชนิดสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บางชนิดก็มีความยาวคลื่นสั้นกว่าที่ตาเราจะสามารถมองเห็นได้ เราเรียกรังสีเหล่านี้รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) และบางส่วนที่ยาวกว่าเรียกว่ารังสีอินฟราเรด ซึ่งความยาวคลื่นที่แตกต่างกันนี้มีผลต่อผิวแตกต่างกัน
แม้จะมีผลการศึกษาที่รองรับว่า UVB สามารถใช้ในการผลิตวิตามินดีซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพของกระดูกได้ แต่เราสามารถรับวิตามินดีได้จากอาหาร โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับแสงแดด
แพทย์ผิวหนังใช้ความยาวคลื่นเฉพาะของ UVA และ UVB ในปริมาณที่สามารถควบคุมได้เพื่อลดการอักเสบของผิวหนังในบางกรณี แต่หากผิวสัมผัสกับรังสียูวีมากเกินไป ก็จะทำลาย DNA ของเซลล์ผิวซึ่งนำไปสู่การเติบโตที่ไม่สามารถควบคุมได้และกลายเป็นต้นเหตุของโรคมะเร็ง
สรุปแล้วแสงแดดเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณหากได้รับในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ก็ยังควรที่จะหลีกเลี่ยงการถูกแดดเผาโดยตรงอยู่ดี
เคล็ดลับง่าย ๆ ในการดูแลผิว
- หลักการง่าย ๆ ในการรักษาสุขภาพผิวให้ดีนั้น คือการชำระล้างผิวของคุณเป็นประจำเพื่อขจัดสิ่งสกปรก แต่ระวังไม่ให้มากหรือบ่อยเกินไปจนกำจัดความชื้นและสารเคลือบผิวตามธรรมชาติที่จำเป็นออกไป
- ใช้ครีมบำรุงผิวหากรู้สึกว่าผิวของคุณตึงหรือแห้ง โลชั่นเนื้อครีมจะทำงานได้ดีที่สุดในการเพิ่มความชุ่มชื้น ยกเว้นผิวที่เป็นสิวได้ง่าย เปลี่ยนไปใช้โลชั่นสูตรน้ำที่ไม่เหนียวเหนอะหนะแทนจะดีกว่า
- หลีกเลี่ยงความเครียดถ้าเป็นไปได้ ทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำเมื่อคุณรู้สึกกระหาย และสิ่งสำคัญสุดท้าย คือการปกป้องผิวของคุณจากแสงแดดด้วยหมวก เสื้อผ้า หรือการทาครีมกันแดดเป็นประจำ
(2409)