ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมปี 2019 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ประเทศสหรัฐอเมริกาเผชิญวิกฤติโพลาร์ วอร์เท็กซ์ (Polar Vortex) หรือ การบิดเบี้ยวของลมวนขั้วโลก ทำให้อากาศทั่วเมืองตามรัฐต่าง ๆ อุณหภูมิติดลบและมีหิมะตกหนักจนต้องสั่งหยุดเรียนและทำงานเพื่อให้ประชาชนพักอาศัยหลบภัยหนาวอยู่ในที่พัก ซึ่งผลของภัยพิบัตินี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน ในพื้นที่หลายรัฐในภาคตะวันตกกลางของสหรัฐอเมริกา
เมืองชิคาโกแห่งรัฐอิลลินอยส์ พบว่ามีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -33 องศาเซลเซียส และในรัฐนอร์ทดาโคตามีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -37 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ต่ำกว่าพื้นที่บางส่วนในทวีปแอนตาร์กติกาเสียอีก
เนื่องจากอุณหภูมิที่หนาวจัดมีหิมะและแข็งปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ ผิวของน้ำในแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้ไม่สามารถคมนาคมทางน้ำได้ นอกจากนี้หิมะที่ปกคลุมสูงก็เป็นปัญหาต่อการเดินรถไฟเช่นกัน จึงเป็นเหตุผลให้เมทรา (Metra) หน่วยงานบริหารที่อยู่ภายใต้ระบบขนส่งมวลชนในเขตมหานครชิคาโกตัดสินใจเผารางรถไฟเพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งได้
It's so cold in Chicago that workers are setting fire to railroad tracks just to keep the trains moving. The extreme cold — around -22 F Wednesday morning — can cause rail defects. https://t.co/7NG3VKuPYV pic.twitter.com/vzGRJg5AVs
— CNN (@CNN) January 30, 2019
โพลาร์ วอร์เท็กซ์ (Polar Vortex) คือ กระแสลมวนในเขตขั้วโลก เป็นกระแสลมที่พัดเอาความหนาวเย็นมาปกคลุมไปทั่วพื้นที่รอบบริเวณมหาสมุทรอาร์กติก โดยปกติทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาจะมีกระแสน้ำอุ่นไหลวนอยู่เป็นตัวกักไม่ให้ลมหนาวเคลื่อนลงมาแต่เนื่องจากผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายส่งผลให้อุณหภูมิในมหาสมุทรต่ำลง กลายเป็นทำให้เกิดปรากฏการณ์โพลาร์ วอร์เท็กซ์เคลื่อนลงตอนใต้เข้าสู่สหรัฐอเมริกา
(1598)