แคสโซแวรีใต้ นกยักษ์ดึกดําบรรพ์

นกแคสโซแวรีใต้ (Southern Cassowary) นกที่เหมือนหลุดมาจากยุคไดโนเสาร์ เห็นแบบนี้แต่มันได้รับสมญานาม
“นกที่อันตรายที่สุดในโลก” พวกมันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Casuarius casuarius ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนกขนาดใหญ่ที่บินไม่ได้ เช่นเดียวกับนกกระจอกเทศและนกอีมู นกแคสโซแวรีใต้มีความสูงประมาณ 100 เซนติเมตร หนักถึง 85 กิโลกรัม สามารถพบได้ในป่าฝนทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย และทางใต้ของเกาะปาปัวนิวกีนี  ทวีปออสเตรเลีย แต่ในบางครั้งก็อาจพบได้ตามบริเวณชายฝั่งหรือพื้นที่ชุมชนเมือง

ภาพโดย Javier Delgado Esteban

จุดเด่นของนกชนิดนี้ก็คือ ส่วนหัวที่มีสีสันสดใส ฟ้า น้ำเงิน ม่วง และแดง อีกทั้งสันกระดูกขนาดใหญ่ สันนิฐานว่าเป็นส่วนที่ใช้ในการเปล่งเสียง นับเป็นนกที่มีเสียงร้องที่ต่ำที่สุดในโลก เมื่ออายุมากขึ้นหงอนบนหัวก็จะใหญ่ยาวขึ้นตามอายุ ส่วนหัวและลำคอไม่มีขน ตัวมีขนสีดำสนิทปกคลุม ขนของมันจะแตกต่างจากขนนกทั่วไป คือมีลักษณะคล้ายเส้นผม ช่วยป้องกันตอนฝ่าดงหรือพุ่มไม้แหลม และช่วยให้ดูตัวใหญ่ขึ้นสำหรับข่มขู่ผู้บุกรุก พวกมันไม่มีหางและมีปีกที่สั้นมากจนแทบกลืนไปกับขนของมัน วิธีการสังเกตคือที่ปลายปีกจะแตกขนออกมา 5 เส้นมีเดือยแหลม

ขนของนกแคสโซแวรีใต้ โดย Tony Futcher

เมื่อเทียบกับขนาดตัว นกชนิดนี้มีขาสั้นแต่แข็งแรง กรงเล็บทั้ง 3 นิ้วแหลมคมโดยเฉพาะนิ้วกลางที่ยาวที่สุด พวกมันกินอาหารได้หลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นลูกไม้ ผลไม้ แต่อาจกินพืช แมลง และสัตว์เล็กๆ ด้วย

นกแคสโซแวรีใต้เป็นนกขี้อาย ค่อนข้างระมัดระวังตัว ปกติจะอยู่ตามลำพัง ส่วนในชวงฤดูผสมพันธุ์จะอยู่กันเป็นคู่
ตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้เล็กน้อย มีการทำรังอยู่บนพื้นดินด้วยการขุดหลุมตื้นๆ แล้วปูรองด้วยใบไม้ ออกไข่ชุดละ 5-6 ฟอง ไข่มีสีเขียวเข้ม โดยตัวผู้จะเป็นตัวกกและเลี้ยงดูลูก นกแคสโซแวรีใต้มีอายุขัยประมาณ 50 ปี หรือมากกว่านั้น

เหตุผลที่ทำให้นกแคสโซแวรีใต้ได้ชื่อว่า “นกที่อันตรายที่สุดในโลก” เนื่องจากมันสามารถกระโดดถีบผู้รุกรานโดยใช้กรงเล็บแหลมคมสร้างบาดแผลฉกรรจ์ ว่ากันว่าเคยมีคนที่เป็นถึงเจ้านายของมัน ถูกมันทำร้ายจนถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากนั้นมันยังวิ่งได้เร็วถึง 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถว่ายน้ำได้อีกด้วย

 

(664)