ช่างทองหลวงแห่งยุคอียิปต์โบราณผู้นี้มีชื่อว่า ‘อาเมเนมฮัต’ เขามีชีวิตอยู่เมื่อราวๆ 3,500 ปีก่อน โดยในครั้งนี้ทีมนักโบราณคดีอียิปต์ได้ทำงานกันอย่างหนักเพื่อค้นหาหลุมศพแห่งนี้ จนในที่สุดหลังจากผ่านพ้นห้าเดือนที่พวกเขาตรากตรำขุดค้นหาโดยไม่สนใจต่อความร้อนแรงที่แผดเผาลงมาของดวงอาทิตย์ พวกเขาก็ได้ค้นพบเข้ากับโบราณสถานล้ำค่าแห่งนี้
นักโบราณคดีสันนิษฐานกันไว้ว่า ช่างทองหลวงผู้นี้น่าจะมีชีวิตอยู่ระหว่างช่วงยุคราชวงศ์ที่ 18 แห่งอียิปต์ (ราวๆ 1,567 ถึง 1,320 ปีก่อนคริสตกาล) โดยช่างทองหลวงผู้นี้ทุ่มเทและอุทิศผลงานของเขาให้กับการบูชาเทพราและเทพอามุน เทพเจ้าที่เป็นที่นิยมของอียิปต์ในเวลานั้น หลุมศพของอาเมเนมฮัตถูกค้นพบที่สุสานดราอาบูลนากา คือสุสานที่เอาไว้ฝังร่างของเหล่าขุนนางและผู้มีอำนาจทางการเมือง ซึ่งบริเวณแห่งนี้อยู่ใกล้กับหุบเขากษัตริย์ (สถานที่สำหรับหลุมศพของกษัตริย์และราชวงศ์ในราชอาณาจักรใหม่) บนพื้นที่ว่างทางด้านซ้ายของแม่น้ำไนล์
การค้นพบครั้งนี้ค่อนข้างที่จะเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่สำหรับประเทศที่พยายามจะฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแล้วนั้น การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะประเทศอียิปต์ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อาหรับสปริงเมื่อปี 2011 ทำให้อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของอียิปต์ค่อนข้างที่จะอยู่ในช่วงวิกฤต การค้นพบครั้งนี้จึงกลายเป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่จะสามารถเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของอียิปต์ให้ดีขึ้นได้ นี่คือสิ่งที่อียิปต์ต้องการเป็นที่สุดในเวลานั้น (หลุมศพของช่างทองหลวงและครอบครัวถูกขุดค้นพบเมื่อปี 2017 ซึ่งก็พึ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง)
ภายในหลุมศพช่างทองหลวง ห้องโถงของหลุมศพจะประกอบไปด้วยรูปปั้นหลักๆ ของอาเมเนมฮัตและภรรยาของเขาในท่านั่งอยู่บนเก้าอี้คู่กัน หนึ่งในรูปปั้นตัวหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่าเธอสวมใส่ชุดเดรสตัวยาวถึงข้อเท้าและสวมใสวิกผมบนศีรษะของเธอ มีภาพเขียนขนาดเล็กอีกหนึ่งภาพที่คั่นกลางระหว่างรูปปั้นสองตัวนี้ คาดว่าภาพนี้น่าจะเป็นตัวแทนถึงลูกชายของพวกเขา
นอกจากนั้นภายในห้องโถงยังประกอบไปด้วยเครื่องปั้นดินเผามากมาย หน้ากากไม้สำหรับปิดหน้าศพ รูปปั้นหุ่นรับใช้ที่มีสีฟ้า สีดำและสีขาว ที่เป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณในเรื่องของการมีผู้ติดตามรับใช้ไปด้วยในโลกหน้าหรือโลกหลังความตาย
และจากห้องโถงที่ใช้เก็บข้าวของต่างๆ แล้วก็จะเป็นห้องโถงที่ใช้เก็บมัมมี่ โดยในห้องโถงนั้นพบร่างของมัมมี่อยู่ 3 ร่างด้วยกัน ซึ่งหลังจากการตรวจสอบสภาพของมัมมี่ทั้ง 3 ร่างก็พบว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ทั้งหมด
การค้นพบครั้งนี้ทำให้นักโบราณคดีอียิปต์รู้สึกมีดีใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะสามารถช่วยโปรโมทและฟื้นฟูเศรษฐกิจของอียิปต์ได้แล้ว ยังเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าในบริเวณแถบนั้น ยังคงมีสุสานโบราณอีกหลายแห่งให้พวกเขาได้ค้นหาและเชื่อมโยงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ได้อีก และคาดการณ์ว่าในอนาคตพวกเขาน่าจะค้นพบสุสานโบราณอีกหลายแห่งที่เป็นของขุนนางหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทางการปกครองในยุคอียิปต์โบราณได้อีก อย่างเช่นการค้นพบล่าสุดที่ผ่านมาก็พึ่งมีการพบหลุมศพของนักบวชชั้นสูง ที่มีอายุกว่า 4,400 ปี ที่เมืองซัคคาร่า ทางตอนใต้ของกรุงไคโรนี่เอง
ที่มา : nytimes.com
(4733)
