นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน Friedrich Wilhelm Ludwig Leichhardt ค้นพบแมคคาเดเมียครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1843 ที่ประเทศออสเตรเลีย บริเวณอ่าวมอร์ตันใกล้ๆ กับเมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์
หลังจากค้นพบแล้วก็ยังไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียน นอกจากเก็บตัวอย่างพืชไว้ในพิพิธภัณฑ์พืช (Herbarium) ของสวนพฤกษศาสตร์ เมืองเมลเบิร์น รัฐวิคตอเรีย
ต่อมาในปี ค.ศ.1857 Boron Sir Ferdinand Jacob Heinrich von Mueller ชาวเยอรมันอีกเช่นกัน ร่วมกับ Walter Hill ชาวสก็อต ผู้อำนวยการสวนพฤกษศาสตร์ของเมืองบริสเบน ได้สำรวจพบแมคคาเดเมียบริเวณแม่น้ำไรน์ อ่าวมอร์ตัน รัฐควีนส์แลนด์ เป็นแมคคาเดเมียแบบผลเล็ก Sir Mueller จึงได้ขอจดทะเบียนแมคคาเดเมียที่พบนี้เป็นพืชสกุลใหม่ชื่อว่า “Macadamia” เพื่อเป็นเกียรติแก่เพื่อนสนิทที่เคารพ คือ ดร.John Macadam ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาเคมีอยู่ที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
Sir Muellerr และ Walter Hill จึงเป็นผู้ค้นพบแมคคาเดเมียที่แท้จริง เพราะพบแล้วไปขอจดทะเบียนระบุชื่อเป็นหลักฐาน แม้จะมีการค้นพบแมคคาเดเมียในออสเตรเลีย แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจจะขยายพันธุ์หรือปลูกในเชิงการค้า
จนกระทั่งปี ค.ศ.1881 William Herbert Purvis ชาวสก็อตที่ไปทำงานที่โรงงานน้ำตาลที่เกาะฮาวาย ได้นำแมคคาเดเมียชนิดผลผิวเรียบจากออสเตรเลียไปทดลองปลูกที่ฮาวาย ว่ากันอีกว่า แมคคาเดเมียชุดแรกที่นำไปจากออสเตรเลีย ไปปลูกที่ฮาวายนั้นขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ มีอายุเกือบ 120 ปี ยังให้ผลผลิตที่ดียังมีอยู่
มีการนำแมคคาเดเมีย ชุดที่ 2 จากออสเตรเลีย มาปลูกที่ฮายวายอีก เมื่อปี ค.ศ.1892 คือ Edward Wardและ Robert Alfred Jordan สองพี่น้องซึ่งนิยมปลูกพืชแปลกๆ มีผู้ยืนยันว่า แมคคาเดเมียที่เข้ามาสู้ฮาวายทั้ง 2 ชุดนี้ ได้มีการนำมาขยายพันธุ์ปลูกกันจนทั่วทั้งหมู่เกาะฮาวาย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 9 เกาะ แต่ที่มีการปลูกมากและมีความสำคัญทางการเกษตรและเศรษฐกิจ มีอยู่ 4 เกาะ คือ Kauai Oahu Maui และ Hawaii
ต่อมาได้มีหน่วยงานของรัฐได้มีการส่งเสริมแมคคาเดเมีย ในลักษณะของการปลูกป่าพร้อมทั้งกระตุ้นให้ภาคเอกชนสนใจปลูกพืชชนิดนี้มากขึ้นโดยการบอกว่าจะยกเว้นภาษีที่ดินให้ และมีผู้ที่นำเมล็ดแมคคาเดเมียมาหว่าน ตามทางเดินบนเทือกเขา แต่แมคคาเดเมียที่ปลูกด้วยเมล็ดเหล่านี้สามารถคัดเลือกเป็นต้นพันธุ์ดีได้เพียง 1 ใน 10,000 ต้นเท่านั้น
แมคคาเดเมีย มีทั้งหมด 10ชนิด อยู่ในออสเตรเลีย 6 ชนิดอยู่ที่เกาะเซลเบสแถวสุมาตรา อินโดนีเซีย 1 ชนิด อีก 3 ชนิด อยู่ในหมู่เกาะคาลเลโดเนียใหม่เป็นหมู่เกาะใกล้กับปาปัวนิวกินี แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 2 ชนิดเท่านั้นที่นำมารับประทานเนื้อและเป็นชนิดที่อยู่ในออสเตรเลีย
(49)
