หากได้ลองมองไปที่ชายฝั่งทางด้านทิศตะวันตกของซาร์ดิเนียแล้ว เราก็จะได้เห็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า และหากได้ลองสังเกตเข้าไปอีกตรงริมหน้าผาของเกาะ เราก็จะเห็นสถาปัตยกรรมขนาดเล็ก สวยงามตรงริมหน้าผานั้น ซึ่งนั่นก็คือท่าเรือ Porto Flavia ครั้งหนึ่งท่าเรือนี้แห่งนี้เคยถูกใช้เป็นท่าเรือสำคัญสำหรับขนแร่เพื่อส่งออกของประเทศอิตาลี
Porto Flavia เป็นท่าเรือขนาดเล็กที่ตั้งอยูริมหน้าผาของเกาะซาร์ดิเนีย โดยใช้วิธีการขุดช่องเล็กๆ บนหน้าผาหินปูนที่อยู่เหนือน้ำทะเล ซึ่งท่าเรือแห่งนี้จะทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเหมืองแร่ Masua ได้โดยตรง ซึ่งเหมืองแร่ Masua นี้จะสกัดแร่สังกะสีและแร่ตะกั่วผ่านอุโมงค์ยาวเกือบ 600 เมตร โดยในตอนนั้นแร่ที่ถูกสกัดแล้วทั้งหมดจะถูกลำเลียงไปยังหน้าปากถ้ำ และใช้แขนกลยักษ์ช่วยลำเลียงแร่ลงสู่เรือขนส่งที่รออยู่ด้านล่างอีกทีหนึ่ง ท่าเรือแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1924 โดยวิศวกรที่ชื่อว่า Cesare Vecelli โดยเขาได้ตั้งชื่อท่าเรือแห่งนี้ตามชื่อของลูกสาวเขาเอง
ก่อนที่ท่าเรือแห่งนี้จะถูกสร้างขึ้น แร่ทั้งหมดที่สกัดจากเหมืองจะถูกลำเลียงไปยังริมชายหาดเพื่อที่จะขนส่งลงเรือลำเล็ก (เพราะมีเพียงเรือลำเล็กเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงหน้าชายหาดที่ใช้ลำเลียงแร่ได้) ที่จอดรออยู่ และนำแร่ไปส่งที่เกาะ Carloforte ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปถึง 30 กิโลเมตร เพื่อนำแร่ทั้งหมดไปพักรวมกันไว้ก่อนจนปริมาณมากพอที่จะให้เหลือลำใหญ่สามารถขนแร่ไปยังโรงงานหลอมของแระเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส เบลเยี่ยมและเยอรมัน ซึ่งการขนส่งแบบนี้ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก รวมไปถึงการขนส่งที่ช้าและอันตราย บ่อยครั้งที่เรือขนแร่ที่มีปริมาณมากจะจมลงไปในทะเลพร้อมกับแร่ที่ขนมาเมื่อต้องพบเจอกับพายุ
เพราะเหตุนั้น ทางเจ้าของเหมืองจึงได้ขอให้วิศวกรชาวอิตาเลียนช่วยออกแบบและสร้างท่าเรือแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะสามารถลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการขนส่งลงได้นั่นเอง
ปัจจุบันท่าเรือ Porto Flavia แห่งนี้ไม่ได้ถูกใช้สำหรับการขนแร่อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากความต้องการในการใช้แร่ในปัจจุบันที่ลดลง ทำให้เหมืองต้องปิดตัวลงในช่วงยุค 1990 แน่นอนว่าท่าเรือก็ต้องปิดตัวตามลงไปด้วย แต่ด้วยความสวยงามและน่าค้นหาของท่าเรือ ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ และยังเป็นสถานที่ที่ได้รับการคุ้มครองจากทางองค์กรยูเนสโกด้วย
ข้อมูลจาก amusingplanet.com
(485)