ระหว่างพรมแดนของอียิปต์กับลิเบียคือ Great Sand Sea ทะเลทรายขนาดมหึมาที่ทอดตัวจากเหนือจรดใต้ประมาณ 650 กิโลเมตรและ 300 กิโลเมตรจากตะวันออกไปตะวันตก ครอบคลุมพื้นที่ถึงประเทศไอร์แลนด์ ลมที่พัดผ่านได้ทำให้ทรายกลายเป็นสันทรายขนาดใหญ่ตามแนวยาวที่สูงขึ้น 100 เมตรและยาวต่อเนื่องหลายร้อยกิโลเมตร คั่นด้วยทางเดินเรียบ ๆ ประมาณหนึ่งหรือสองกิโลเมตร ในช่องว่างแคบ ๆ ยาว ๆ เหล่านี้เป็นพื้นที่ของหินแข็งชั้นล่างที่อยู่ใต้ชั้นดินและทราย ซึ่งเป็นที่ที่พบแก้วธรรมชาติแปลกตา
แก้วทะเลทรายลิเบียนับว่าเป็นแก้วซิลิกาธรรมชาติที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในโลก โดยทั่วไปแล้วแก้วจะมีสีเหลือง ที่อาจใสมากหรือเป็นสีน้ำนมและยังมีฟองสบู่เล็ก ๆ อยู่ข้างใน แก้วเหล่านี้มีมากกว่าหนึ่งพันตันทั่วทั้งทะเลทรายหลายร้อยกิโลเมตร ส่วนใหญ่มีขนาดเท่าก้อนกรวดที่ผิวถูกขัดเรียบโดยการพัดของทราย บางชิ้นก็มีขนาดและน้ำหนักที่มากพอสมควร โดยชิ้นที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบนั้นมีน้ำหนักประมาณ 26 กิโลกรัม
แก้วธรรมชาติในทะเลทรายลิเบียนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากฟ้าผ่าหรือการปะทุของภูเขาไฟหรืออุกกาบาตที่พุ่งชนโลก แก้วทะเลทรายลิเบียเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 26 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าแก้วนี้เกิดขึ้นเมื่ออุกกาบาตพุ่งชนโลก แต่กลับไม่มีหลุมอุกกาบาต ทำให้เกิดปัญหาสำหรับทฤษฎีนี้ ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่าดาวหางอาจระเบิดออกเมื่อใกล้ถึงผืนทรายด้านล่างที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าด้านบนของอุกกาบาตที่มีอุณหภูมิสูง ทำให้เกิดซิลิกาเป็นจำนวนมาก
การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกของแก้วทะเลทรายลิเบีย ถูกค้นพบโดยชาวอังกฤษชื่อ Patrick A. Clayton ในปีค.ศ. 1932 ซึ่งได้นำตัวอย่างแรกกลับไปยังยุโรปเพื่อทำการวิจัย แต่ในความเป็นจริงแล้วการมีอยู่ของแก้วนั้นเป็นที่รู้จักมาก่อนในหมู่ชาวท้องถิ่นในยุคหินใหม่ที่มีการสร้างเครื่องมือจากแก้ว และต่อมาชาวอียิปต์ก็ใช้มันเป็นอัญมณี ซึ่งแก้วทะเลทรายลิเบียที่โด่งดังที่สุด คือแก้วแกะสลักขนาดใหญ่บนเกราะของฟาโรห์ตุตันคามุนชื่อดังของอียิปต์นั่นเอง
ที่มา amusingplanet
(2072)