คำสาปหนังสือ เรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับหนังสือในยุคโบราณ

ในยุคแรกของการทำหนังสือนั้นสุดแสนยากลำบาก เนื่องจากหนังสือแต่ละเล่มจะต้องทำด้วยมือ โดยเริ่มต้นจากการเตรียมกระดาษสำหรับเขียน การเขียนตัวอักษร และสุดท้ายคือการเข้าเล่ม ซึ่งโดยมากมักจะเป็นกลุ่มนักบวชที่ร่วมกันเขียนต้นฉบับขึ้นอย่างระมัดระวังด้วยตัวอักษรที่สวยงามจากปากกาขนนก พร้อมด้วยภาพประกอบมากมาย พวกเขาจะต้องระมัดระวังความผิดพลาดและต้องแน่ใจว่าหนังสือทั้งเล่มจะมีเส้นที่ตรงและมีขนาดตัวอักษรเดียวกัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานและทำให้หนังสือมีคุณค่ามาก และสิ่งที่ตามมาก็คือความล่อตาล่อใจสำหรับหัวขโมย

ในยุคกลาง ห้องสมุดมักจะเก็บหนังสือโดยล่ามโซ่ไว้กับโต๊ะ เพื่อไม่ให้ผู้ที่เข้ามาอ่านหยิบหนังสือออกไปได้ แต่ก็ยังมีคนใช้อาวุธของตนเองในการขโมยหน้าหนังสือตอนต้นหรือตอนจบไป ทำให้เหล่านักเขียนจำเป็นต้องจารึกคำสาปที่น่ากลัวไว้สำหรับข่มขู่โจร ไม่ว่าจะด้วยพระพิโรธของพระเจ้า การได้รับความเจ็บปวด ไปจนถึงการประสบความทุกข์ยากอย่างมิอาจบรรยายได้

ดังเช่นคำสาปแช่งของพระคัมภีร์ Arnstein ในหอสมุดแห่งชาติอังกฤษ ที่เขียนขึ้นในประเทศเยอรมนีในศตวรรษที่ 12 ที่กล่าวไว้ว่า “หากใครขโมยหนังสือเล่มนี้ไป ขอให้เจ้าตายอย่างทรมาณ ขอให้สิ่งเลวร้ายในชีวิตเจ้าแย่ลงกว่าเดิม ขอให้เจ้าล้มป่วยและทุกข์ทรมานกับมัน ขอให้เจ้าถูกมัดกางแขนกางขาบนเครื่องทรมานและถูกแขวนคอ อาเมน”

ในช่วงเวลานั้น การโจรกรรมหนังสือถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงเทียบเท่ากับการฆาตกรรมและหมิ่นประมาท บรรณารักษ์ปฏิญาณตนว่าจะลงโทษอย่างรุนแรงกับใครก็ตามที่ขโมยผลงานจากเจ้าของตามกฎหมาย การลงโทษมักรวมถึงการคว่ำบาตรจากศาสนจักร การสาปแช่งชั่วนิรันดร์ หรือการตายอย่างทนทุกข์ทรมาน

และนี่คือหนึ่งในคำสาปที่รุนแรงมากที่สุดที่ใช้ในการปกป้องหนังสือในห้องสมุดสเปน

“สำหรับผู้ที่ขโมย หรือยืมแล้วไม่คืน หรือนำหนังสือเล่มนี้ไปจากเจ้าของ ขอให้ในมือของเขากลายเป็นซาตานและฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ขอให้เขาเป็นอัมพาตและญาติของเขาถูกสาปแช่ง ขอให้เขาร้องขอความเมตตาอย่างเจ็บปวด และอย่าให้ความทุกข์ของเขาจบลงจนกว่าเขาจะมลายหายไป ขอให้สิ่งที่กัดกินหนังสือกัดแทะสิ่งที่เขามีอยู่และปล่อยให้เปลวไฟแห่งนรกเผาผลาญเขาตลอดไป”

คำสาปนั้นไม่เพียงมุ่งเน้นไปที่โจรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนที่ทำผิดหรือไม่เคารพหนังสือ มีคำสาปที่ประณามผู้อ่านที่ไร้มารยาททำเครื่องดื่มหกลงในหน้าหนังสือ หรือทิ้งรอยเปื้อนของนิ้วมือไว้เพราะกินหรือดื่มในขณะอ่านหนังสือ บรรณารักษ์คนเก่าแก่จะดูถูกคนที่จามใส่หนังสือ หรือเผลอหลับไปกับหน้ากระดาษ หรือกระทำความผิดอื่น ๆ ที่ทำลายความสมบูรณ์และความทนทานทางกายภาพของหนังสือด้วย

หลังจากการประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ คำสาปในหนังสือก็ลดความรุนแรงลง จากคำเตือนที่น่ากลัวกลายเป็นคำขู่ที่ไม่ร้ายแรงนัก ซึ่งมักถูกส่งผ่านภาพที่เหมาะสมบนปกหนังสือ เช่นภาพนี้

แปล: ชายถูกฆาตกรรมเนื่องจากไม่ส่งคืนหนังสือที่ยืมมาจาก Lloyd Douglas

 

ที่มา amusingplanet

(1985)