สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบันส่งผลให้สถานที่ทางธรรมชาติหลายแห่งได้รับผลกระทบ แม้สถานที่เหล่านั้นจะถือกำเนิดมาแล้วหลายล้านปี แต่ภาวะโลกร้อน และปัญหาทางธรรมชาติในปัจจุบันอาจทำให้สถานที่เหล่านั้นหลงเหลือเพียงแต่ชื่อ และนี่คือ 8 สถานที่ที่ควรไปเยี่ยมชมก่อนมันจะสูญหายไป
Athabasca Glacier เป็นธารน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในบริเวณแคนาเดียน ร็อคกี้ ประเทศแคนาดา ครอบคลุมพื้นที่ราว 6 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในแคนาดา เนื่องจากเป็นธารน้ำแข็งที่สามารถเดินทางไปเข้าชมได้ง่าย แต่ปัจจุบันตัวธารน้ำแข็งนั้นได้ละลายลดลงไปประมาณ 5 เมตรต่อปี ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าธารน้ำแข็งแห่งนี้จะเริ่มละลายลงอย่างรวดเร็ว ในอนาคตหากนักท่องเที่ยวเดินทางไปอาจจะไม่ได้เห็นความงดงามแบบตอนนี้
อลาสก้า เป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ทางตะวันออกติดต่อกับดินแดนยูคอนเทร์ริทอรีและรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา ทางใต้ติดต่อกับอ่าวอะแลสกาและมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกติดกับทะเลเบริง ช่องแคบเบริง และทะเลชุคชี ส่วนทางเหนือติดกับทะเลโบฟอร์ตและมหาสมุทรอาร์กติก อลาสก้าเป็นรัฐที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยสภาพอากาศในตอนนี้อาจทำให้น้ำแข็งบริเวณอลาสก้าละลายอย่างรวดเร็ว และจะทำให้ระบบนิเวศรวมไปถึงความงดงามของอลาสก้าเปลี่ยนไปได้
เทือกเขาแอลป์ เป็นเทือกเขาที่ใหญ่สุดของทวีปยุโรปโดยครอบคลุมตั้งแต่ออสเตรียอิตาลี สโลวีเนีย สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ เยอรมนี และฝรั่งเศส ถือเป็นเทือกเขาอายุน้อย เกิดขึ้นเมื่อแผ่นทวีปแอฟริกามุดใต้แผ่นทวีปยูเรเซีย ปัจจุบันเทือกเขาแห่งนี้กลายเป็นสถานที่เล่นสกีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก แม้ว่าเทือกเขาแอลป์จะไม่ได้สูญหายไป แต่ความงดงามของเทือกเขาแอลป์อาจจะหายไป โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าธารน้ำแข็งบริเวณเทือกเขาแอลป์จะหายไปในปี 2050
Seychelles เป็นประเทศหมู่เกาะ ประกอบด้วยเกาะ 115 เกาะในมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากชายฝั่งแอฟริกาทางตะวันออก 1,600 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์ ถือเป็นหนึ่งในเกาะที่มีความสวยงามมากที่สุดในโลก แต่ตอนหลายชายหาดของเซเชลส์กำลังถูกกัดเซาะจากน้ำทะเล รวมถึงแนวปะการังที่ถูกทำลาย ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอีกประมาณ 50-100 ปี พื้นที่แห่งนี้อาจต้องจมอยู่ใต้ทะเล
Glacier National Park เป็นพื้นที่อุทยานตั้งอยู่ในรัฐมอนแทนา สหรัฐอเมริกา มีพื้นที่ราว 4,000 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่มีระบบนิเวศที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่ง มีธารน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นราว 170 ล้านปีที่ผ่านมา แต่สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอาจทำให้ธารน้ำแข็งภายในอุทยานแห่งนี้หายไปภายในปี 2030 และอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอันเก่าแก่ในพื้นที่อุทยานอีกด้วย
ทะเลเดดซี เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก อยู่ตรงเขตแดนประเทศจอร์แดนและอิสราเอล ระดับน้ำอยู่ต่ำที่สุด โดยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานั้นน้ำในทะเลสาบแห่งนี้หายไปกว่า 80 ฟุต ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าทะเลสาบแห่งนี้จะหายไปในอีก 50 ปี นักท่องเที่ยวที่ลงไปในทะเลสาบเดดซีสามารถลอยตัวในทะเลเดดซีเนื่องจากความเข้มข้นของเกลือสูง
เวนิส เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติก ถือเป็นหนึ่งของโรแมนติกที่สุดในโลก แต่ด้วยระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นทุกปี อาจทำให้เวนิสจมอยู่ในน้ำในอีก 100 ปี ข้างหน้า
Great Barrier Reef เป็นแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก โดยมียาวกว่า 2,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 344,400 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้กำลังเจอกับสภาพอากาศที่อุ่นขึ้น น้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงปัญหามลพิษ โดยคาดว่ามันจะถูกทำลายในอีก 100 ปี
(5762)