15 แหล่งมรดกโลกที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน (แต่ควรค่าแก่การรู้จัก)

หมู่บ้านชิงเคว แตเร (Cinque Terre)

สโตนเฮนจ์และพีระมิดเป็นแหล่งมรดกโลกที่ทุกคนรู้จัก แต่ยังมีแหล่งมรดกโลกที่สวยงามอีกหลายแห่งที่ถูกมองข้ามไป นักเดินทางที่ชอบการผจญภัยอาจปราถนาที่จะไปเยือนสถานที่ที่สวยงามตามธรรมชาติและสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์เหล่านี้แน่นอน

1. นครวัด (Angkor) – กัมพูชา 

นครวัดเป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีซากของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรเขมรตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ถึงศตวรรษที่ 15 หลงเหลืออยู่ การได้เห็นประวัติศาสตร์ของอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่อย่างครบถ้วนในที่เดียวจึงเป็นโอกาสที่หายาก

นครวัด (Angkor) – กัมพูชา
นครวัด (Angkor) – กัมพูชา

2. อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) – เวียดนาม 

อ่าวฮาลองตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนาม มีเกาะเล็กเกาะน้อยมากกว่า 1,600 เกาะ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เหมาะให้มนุษย์อยู่อาศัย นั่นหมายความว่าเกาะเหล่านี้แทบไม่มีมนุษย์ย่างกรายเข้าไปยุ่งเกี่ยว ธรรมชาติจึงเจริญงอกงามได้ดี

อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) – เวียดนาม 
อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) – เวียดนาม

3. แนวปะการังเบลิซแบร์ริเออร์รีฟ (Belize Barrier Reef) – เบลีซ

หากไม่อยากเดินทางไปดูแนวปะการังที่ออสเตรเลีย งั้นลองเดินทางไปที่แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกเหนือกัน ที่ประเทศเบลีซมีแนวปะการังหลากหลายประเภท หลากหลายช่วงอายุ อีกทั้งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เช่น เต่าทะเลและพะยูน อีกด้วย 

แนวปะการังเบลิซแบร์ริเออร์รีฟ (Belize Barrier Reef) – เบลีซ
แนวปะการังเบลิซแบร์ริเออร์รีฟ (Belize Barrier Reef) – เบลีซ

4. นครถ้ำซัสซีและอุทยานโบสถ์หินแห่งมาเตรา (The Sassi and the Park of the Rupestrian Churches of Matera) – อิตาลี

บริเวณนี้เป็นที่อาศัยแห่งแรกของสมัยยุคหินเก่า ประกอบด้วยโบสถ์ บ้าน อาราม และอาศรมหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในถ้ำตามธรรมชาติ อีกทั้งที่นี่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวถ้ำที่ยังไม่เสียหายที่ใหญ่ที่สุดในแถบเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย

นครถ้ำซัสซีและอุทยานโบสถ์หินแห่งมาเตรา (The Sassi and the Park of the Rupestrian Churches of Matera) – อิตาลี
นครถ้ำซัสซีและอุทยานโบสถ์หินแห่งมาเตรา (The Sassi and the Park of the Rupestrian Churches of Matera) – อิตาลี

5. น้ำตกวิกตอเรีย (Victoria Falls) – แซมเบียและซิมบับเว 

นี่อาจเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในลิสต์นี้ที่คุณรู้จัก แต่หากเราไม่ใส่ชื่อของน้ำตกที่มีหน้ากว้างที่สุดในโลกก็คงจะไม่ได้ ม่านน้ำจากน้ำตกแห่งนี้ทำให้เกิดสายรุ้งและประกายแวววาวที่สวยงาม

น้ำตกวิกตอเรีย (Victoria Falls) – แซมเบียและซิมบับเว 
น้ำตกวิกตอเรีย (Victoria Falls) – แซมเบียและซิมบับเว

6. อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) – โครเอเชีย

น้ำที่ไหลวนในพื้นที่แห่งนี้มาเป็นเวลากว่าพันปีได้ก่อให้เกิดเขื่อนตามธรรมชาติ และได้สร้างภูมิทัศน์ที่สวยงามไว้มากมายทั้ง น้ำตก ถ้ำ และทะเลสาบ

อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) – โครเอเชีย
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) – โครเอเชีย

7. ศูนย์ประวัติศาสตร์บูคารา (Historic Centre of Bukhara) – อุซเบกิสถาน 

อุซเบกิสถานอาจไม่อยู่ในรายชื่อจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของผู้คน แต่แหล่งชุมชนอายุ 2,000 ปีที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมแห่งนี้อาจทำให้คุณเปลี่ยนใจ ที่นี่เป็นเมืองสมัยยุคกลางที่ยังสมบูรณ์ที่สุดในเอเชียกลาง ที่นี่มีสถาปัตยกรรมมุสลิมชิ้นเอกมากมาย มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ถึง 17 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี 

ศูนย์ประวัติศาสตร์บูคารา (Historic Centre of Bukhara) – อุซเบกิสถาน 
ศูนย์ประวัติศาสตร์บูคารา (Historic Centre of Bukhara) – อุซเบกิสถาน

8. ภูเขาสายรุ้งตันเซี๋ย (China Danxia) – จีน 

Danxia คือดินแดนที่ทอดยาว 1,700 กม. มีลักษณะภูมิประเทศที่หายากและน่าทึ่งที่สุดแบบหนึ่งของโลก ซึ่งเกิดจากแรงธรรมชาติต่างๆ รูปภาพแถบสีที่เด่นชัดของที่นี่อาจเป็นที่คุ้นเคยกันดี แต่ความจริงแล้วมันมีพื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่านั้นเสียอีก 

ภูเขาสายรุ้งตันเซี๋ย (China Danxia) – จีน 
ภูเขาสายรุ้งตันเซี๋ย (China Danxia) – จีน

9. เมืองเก่าซานา (The Old City of Sanaa) – เยเมน

เมืองบนภูเขาแห่งนี้มีอายุมากกว่า 2,500 ปี และเป็นศูนย์กลางอันสำคัญของศาสนาอิสลามมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ตัวอาคารสูงหลายชั้นสร้างด้วยอิฐสีแดงโดดเด่นทำให้สถาปัตยกรรมแห่งนี้สวยงามไม่มีที่ติ 

เมืองเก่าซานา (The Old City of Sanaa) – เยเมน
เมืองเก่าซานา (The Old City of Sanaa) – เยเมน

10. หมู่บ้านปอร์โตเวเนเร หมู่บ้านชิงเคว แตเร และหมู่เกาะ (Portovenere, Cinque Terre and the Islands) – อิตาลี

ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาตามแนวชายฝั่งที่ทอดยาว เป็นชุมชนที่มีความสำคัญด้านวัฒนธรรม พร้อมทั้งมีทัศนียภาพที่สวยงาม 

หมู่บ้านชิงเคว แตเร (Cinque Terre) and – อิตาลี
หมู่บ้านชิงเคว แตเร (Cinque Terre) and – อิตาลี

11. อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) – สหรัฐอเมริกา

อุทยานเยลโลว์สโตนมีขนาดใหญ่ถึง 9,000 ตร.กม. ด้านในอุทยานมีแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพซึ่งเป็นที่รู้จักของผู้คนกว่าครึ่งโลก และมีน้ำพุร้อนมากกว่า 300 แห่ง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ามากมาย เช่น หมีกริซลี่ หมาป่า และวัวกระทิง

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) – สหรัฐอเมริกา
อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) – สหรัฐอเมริกา

12. อุทยานแห่งชาติอีกวาซู (Iguazu National Park) – อาร์เจนตินา

อุทยานแห่งนี้เป็นป่าฝนกึ่งเขตร้อนขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่อยู่ให้แก่ สมเสร็จ ลิงฮาวเลอร์ เสือจากัวร์ และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย แหล่งท่องเที่ยวหลักของอุทยานคือน้ำตกที่อยู่ตรงใจกลางอุทยาน 

อุทยานแห่งชาติอีกวาซู (Iguazu National Park) – อาร์เจนตินา
อุทยานแห่งชาติอีกวาซู (Iguazu National Park) – อาร์เจนตินา

13. กุตุบมีนาร์ (Qutub Minar) – อินเดีย

อินเดียเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมากมาย แต่หอคอยแห่งศตวรรษที่ 13 ที่มีความสูง 72.5 เมตร นี้นั้นน่าประทับใจเป็นพิเศษ รอบหอคอยมีประตู Alai-Darwaza ซึ่งเป็นผลงานของศิลปะอินโด-มุสลิมชิ้นเอกที่มีอายุย้อนไปถึงปี 1311

กุตุบมีนาร์ (Qutub Minar) – อินเดีย
กุตุบมีนาร์ (Qutub Minar) – อินเดีย

14. สะพานฟอร์ท (The Forth Bridge) – สกอตแลนด์

สะพานนี้สร้างขึ้นในปี 1890 และพึ่งถูกเพิ่มเข้าไปในรายการมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นสะพานยื่นแบบหลายช่วงที่ทั้งเก่าแก่และยาวที่สุดที่สุดในโลก

สะพานฟอร์ท (The Forth Bridge) - สกอตแลนด์
สะพานฟอร์ท (The Forth Bridge) – สกอตแลนด์

15. อุทยานแห่งชาติ Carlsbad Caverns – สหรัฐอเมริกา

อุทยานแห่งชาติในรัฐนิวเม็กซิโกแห่งนี้ประกอบด้วยถ้ำมากกว่า 100 แห่ง มีความโดดเด่นทั้งขนาดและความงามจากแร่ธรรมชาติที่ก่อตัวขึ้น

อุทยานแห่งชาติ Carlsbad Caverns – สหรัฐอเมริกา
อุทยานแห่งชาติ Carlsbad Caverns – สหรัฐอเมริกา

ที่มา: metro.co.uk 

(2040)