7. Danube River (แม่น้ำดานูบ)
เมื่อแม่น้ำเบรกกับแม่น้ำบริกาคในป่าดำไหลมาบรรจบกันที่เมืองโดเนาเอชิงเกน รัฐบาเดิน-เวอร์ตเทิมแบร์ก ประเทศเยอรมนี จึงกลายเป็นแม่น้ำดานูบ ก่อนจะไหลต่อไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อีก 2,850 กิโลเมตรลงสู่ทะเลดำในโรมาเนียและยูเครน แม่น้ำดานูบเป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ในดินแดนทวีปยุโรป เป็นรองเพียงแม่น้ำวอลกาของรัสเซียที่ยาว 3,531 กิโลเมตร
ด้วยการไหลผ่านกว่านับสิบประเทศ พร้อมความยาว 2,857 กิโลเมตร ทำให้แม่น้ำสายนี้ครอบครองพื้นที่ไปไม่น้อยกว่า 817,000 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว จึงไม่ยากเลยที่แม่น้ำดานูบ จะกลายเป็นแม่น้ำสายหลักเพียงสายเดียวของยุโรปที่ ไหลจากตะวันตกไปตะวันออก ผู้คนกว่า 83 ล้านคน อาศัยอยู่แนวที่ราบลุ่มของแม่น้ำ และมากกว่า 20 ล้านคนที่ต้องพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำเพื่อการบริโภค ลุ่มน้ำนี้จึงเป็นแหล่งบที่รวบรวมและรักษาความมั่งคั่งของวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ และยังถูกยอมรับว่าเป็นแหล่งน้ำที่มิใช่มหาสมุทร ที่สำคัญที่สุดแห่งเดียวในยุโรป และนั่นหมายถึงอาจกลายเป็นแกนกลางในอนาคตของสหภาพยุโรปอีกด้วย
ภาพโดย JStolp
แม่น้ำสายนี้ ขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์พืชและสัตว์ที่มีความสำคัญระดับโลก ทำให้มันกลายเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ มีปลามากกว่า 100 สายพันธุ์ รวมถึงปลาสเตอร์เจียนขาวและนกกระทุงขาว ที่พบได้น้อยลงอย่างมากในปัจจุบัน
8. Yangtze River (แม่น้ำแยงซี)
แม่น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศจีน ผู้คน 1 ใน 3 ของประเทศเทศจีน อาศัยอยู่บริเวณราบลุ่มของแม่น้ำแยงซี ที่กินพื้นที่ในประเทศไปไม่น้อยกว่า 1.8 ล้านตารางกิโลเมตร และกินความยาวกว่า 6,300 กิโลเมตร หรือก็คือพื้นที่เกือบ 1 ใน 5 ของประเทศจีนเลยทีเดียว ต้นของแม่น้ำแยงซีเริ่มจากภูเขาน้ำแข็งทางตะวันออกของที่ราบสูงธิเบต ที่ถูกกล่าวว่าเป็นที่ราบที่สูงที่สุดในโลก
ภาพโดย Dong Zhang
อุตสาหกรรมและเกษตกรรมมากกว่า 40 % ในประเทศจีนเองก็มีส่วนสนับสนุนมาจากแม่น้ำแยงซี นอกจากจะเป็นแมวน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศจีน ยังเป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในเอเชีย เป็นอันดับ 3 ของโลกอีก แต่ในทางกลับกัน ยิ่งลุ่มแม่น้ำมีความสำคัญกับประเทศมากเท่าไหร่ มลภาวะทางน้ำยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
อุตสาหกรรมและการเกษตรเป็นสาเหตุที่สำคัญ รวมถึงการเลี้ยงปลาและฟาร์มสุกรขนาดใหญ่ หรือแม้แต่เขื่อนซึ่งเป็นการเบี่ยงทิศทางน้ำตามธรรมชาติ ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมที่จะนำความแห้งแล้ง น้ำท่วม เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วมาสู่ลุ่มน้ำมากขึ้น และทำให้ทะเลสาบแห้งแล้งลงไปในที่สุด
9. Nile (แม่น้ำไนล์)
แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลกแห่งนี้ มีความยาวถึง 6,695 กิโลเมตร แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านแอ่งน้ำที่แห้งแล้งกว่า 30% เพื่อหล่อเลี้ยงทวีปแอฟริกา ผู้คนมากมายทำการเกษตรกันอย่างหนาแน่น ณ ที่ราบลุ่มแม่น้ำเป็นเวลานานกว่า 5,000 ปี จนทำให้เกิดอารยธรรมโบราณขึ้นมากมาย อย่างอารยธรรมอียิปต์ ชาวอียิปต์โบราณถือว่าแม่น้ำไนล์เป็นส่วนสำคัญของชีวิต
ภาพโดย Abdelrahman Abdelazeem
ลุ่มแม่น้ำแห่งนี้ มีการค้นพบสัตว์สะเทือนน้ำสะเทือนบกกว่า 137 สายพันธุ์ บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์เอง ก็เป็นหนึ่งในเส้นทางการอพยพของนกที่สำคัญที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นสถานเพาะพันธุ์ของเต่าที่ใกล้สูญพันธ์อีกด้วย
อีกหนึ่งความน่าอัศจรรย์คือแม่น้ำสายนี้ ไม่เคยเปลี่ยนทิศทางการไหล ข้อสงสัยนี้เพิ่งได้รับการยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ เหตุผลที่แม่น้ำไนล์ไม่เปลี่ยนทิศทางไปเลยอย่างที่ควร เพราะถ้าไม่มีโครงสร้างทางธรณีวิทยาและระบบไหลเวียนของเนื้อโลก ที่คงทนอยู่มาหลายสิบล้านปี แม่น้ำไนล์คงจะเปลี่ยนเส้นทางของกระแสน้ำ ไปยังทิศตะวันตกของแอฟริกานานแล้ว ซึ่งก็จะทำให้ประวัติศาสตร์โลกและพัฒนาการของอารยธรรมมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปด้วย
10. Amazon River (แม่น้ำอเมซอน)
แม้อะเมซอนจะไม่ใช่แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก แต่อะเมซอนเองก็สร้างสถิติในแง่ของปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน โดยปริมาณน้ำที่ไหลผ่านนั้นเฉลี่ย 219,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที คาดการว่าแม่น้ำ 1 ใน 6 ของแม่น้ำจืดทั้งหมด ที่ไหลลงสู่มหาสมุทรของโลก จะต้องไหลผ่านแม่น้ำอะเมซอนทั้งสิ้น (คิดเป็นร้อยละ 15 – 16 ชองน้ำจืดทั้วโลก)
ภาพโดย Ivars Utināns
เชื่อกันไหมคะ ว่าฤดูกาลมีผลต่อความกว้างของแม่น้ำอะเมซอน ปกติในช่วงฤดูแล้ง ความกว้างของแม่น้ำอะเมซอนจะอยู่ 4 กิโลเมตร ถึง 5 กิโลเมตร แต่เมื่อฤดูฝนมาเยือน ความกว้างของแม่น้ำกลับกว้างออกไปถึง 50 กิโลเมตรเลยทีเดียว แถมกระแสน้ำเองยังไหลเร็วถึง 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย ทำให้พื้นที่รวมของแม่น้ำจะอยู่ที่ประมาณ 6.74 ล้านตารางกิโลเมตร หรือราว ๆ 1 ใน 3 ของทวีปอเมริกาใต้ ครอบคลุมพื้นที่ไปกว่า 9 ประเทศ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตของประเทศบราซิล
ตลอดการการไหลของมัน ช่วยพัดพาตะกอนดินและแร่ธาตุไปเติมความอุดมสมบูรณ์ ให้แก่พื้นที่สองฝั่งแม่น้ำ หากยึดตัวเลขการคาดประมาณที่ว่า โลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิต 12.5 ล้านชนิดพันธุ์ ป่าอะเมซอนเองก็คงเป็นบ้านหลังใหญ่สำหรับ 1 ใน 10 ของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่พบได้ทั่วโลก ถ้านับเอาตามปัจจุบันมีการค้นพบพืชกว่า 40,000 ชนิด ปลาน้ำจืดกว่า 3,000 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 427 ชนิด นก 1,300 ชนิด และสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นๆ
(196)