เคล็ดลับทานอาหารอย่างไร ให้สุขภาพดี?

การทานอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่ง ไม่ต่างจากการนอนหลับเลยเนื่องจากร่างกายของเราต้องการพลังงานอยู่เสมอ ดังนั้นการทานอาหารก็เปรียบได้กับการเติมพลังงานเข้าสู่ร่างกายเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องทานให้ครบ 5 หมู่ในทุก ๆ มื้อ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง

นอกจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว เรื่องอาหารการกินก็สำคัญต่อสุขภาพไม่แพ้กัน แต่พอพูดถึงอาหารสุขภาพหลายคนจะรู้สึกว่าผักและธัญพืชต่างๆ ไม่อร่อย กินยาก จำกัดปริมาณอาหารให้น้อยลงก็หิว รู้สึกเครียด และเป็นภาระในการใช้ชีวิตยิ่งกว่าปกติ แท้จริงแล้วการกินให้ดีต่อสุขภาพนั้นทำไม่ยาก ไม่ต้องถึงขนาดเปลี่ยนมากินมังสวิรัติหรือกินคลีนทุกมื้อ เพียงแค่รู้จักเลือกอาหารหลัก 5 อย่างนี้ ก็มีความสุขกับการกินอาหารอย่างอร่อยควบคู่กับสุขภาพดีได้ไม่ยาก

เคล็ดลับทานอาหารอย่างไร ให้สุขภาพดี?

#1 พยายามทานอาหารให้ตรงเวลา
ทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าอาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะมื้อเช้าเป็นแหล่งพลังงานที่เสริมสร้างให้ร่างกายและสมองเกิดความตื่นตัว และ มีความพร้อมในการทำกิจกรรมต่าง เหตุผลสำคัญที่ไม่ควรงดมื้อเช้าก็คือ ในระหว่างช่วงที่เรานอนร่างกายได้ใช้สารอาหารที่สะสมไว้ไปเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้นเราควรจะรับประทานมื้อเช้าเผื่อทดแทนส่วนที่สูญเสียไป และ เราไม่ควรรับประทานอาหารในมื้อดึก เผื่อเตรียมพร้อมให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะผ่อนคลายอย่างเต็มที่เพื่อการพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพ

#2 ปริมาณของอาหารในแต่ละมื้อ
หากคุณต้องการรักษาสุขภาพ,รูปร่าง และ ปริมาณไขมันแล้วล่ะก็คุณต้องทานในปริมาณที่เหมาะสม เทคนิคสำคัญก็คือคุณต้องใช้พลังงานให้พอ ๆ กับพลังงานที่ได้รับมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปริมาณไขมันส่วนเกิน สำหรับการคำนวณแคลอรี่ของอาหารแต่ละมื้อนั้นอาจคลาดเคลื่อนจากวิธีการปรุงและไม่รู้วัตถุดิบที่ใช้ปรุงอย่างละเอียด ดังนั้นการนับแคลอรี่นอกจากจะยุ่งยากแล้ว อาจจะเพิ่มความเครียดในการดำเนินชีวิตยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นคุณควรจะเรียนรู้วิธีการคำนวณแคลอรี่อาหารด้วยตาเปล่า เช่นคุณรู้ว่าผัดกะเพราจานนี้มีส่วนผสมอะไรบ้าง มีปรมาณไขมัน หรือ โซเดียมมากเกินไปหรือเปล่า เพียงเท่านี้คุณก็ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นแล้วล่ะ

#3 รู้จักส่วนผสมของอาหารชนิดต่าง ๆ 
เมื่อคุณจัดเวลาและปริมาณอาหารในมื้อต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ขั้นต่อมาก็คือคุณต้องรู้ว่าอาหารเมนูต่าง ๆ ที่คุณทานเข้าไปนั้นมีส่วนประกอบอะไรบ้างเน้นโปรตีน หรือ ไฟเบอร์ มีประโยชน์ต่อเราอย่างไร? เช่น ข้าวผัดไก่ มีส่วนประกอบอะไรที่เรารู้สึกหรือสัมผัสได้ เช่น มี ข้าว ไก่ ไข่ แครอท คะน้า ต้นหอม และ อื่น ๆ พอเราเข้าใจในส่วนผสมแล้วเราก็จะรับรู้ได้ทันทีว่าเราได้รับสารอาหารครบหรือไม่? เรามักจะไม่รู้ว่าส่วนผสมทุกอย่างคืออะไรและกรรมวิธีการผลิตเป็นอย่างไร หากมีโอกาสจึงควรหาเวลาปรุงอาหารเองหรือกลับบ้านไปกินอาหารกับครอบครัว เพราะนอกจากเราจะได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำอาหารแล้ว เรายังมีโอกาสเลือกคุณภาพวัตถุดิบที่เราต้องการได้อีกด้วย

#4 รู้จักสมดุลการใช้พลังงานของช่วงชีวิต
แม้จะได้รับการแนะนำปริมาณอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวันแล้ว สุดท้ายไม่มีใครรู้จักร่างกายเท่ากับตัวคุณเอง ดังนั้นการคำนึงถึงปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันจึงมี 6 ปัจจัยนี้รวมอยู่ด้วย

1.อายุ

2.รูปร่าง

3.ส่วนสูง

4.เพศ

5.วิถีชีวิต (หรือการทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก/น้อย)

6.สุขภาพโดยรวม

ดังนั้นการกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระนั้นก็มีข้อมูลจาก The American College of Sport Medicine (ACSM) ระบุปริมาณพลังงานที่ควรได้รับในแต่ละวันไว้ว่า ผู้หญิงควรได้รับพลังงานไม่ต่ำกว่า 1,200 แคลอรี่ต่อวัน และผู้ชายไม่ควรได้รับพลังงานต่ำกว่า 1,800 แคลอรี่ต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อระบบการทำงานที่ร่างกายต้องการ

สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแล้วจำกัดปริมาณการกินให้เพียงพอต่อความต้องการแต่ละวัน ไม่ควรกินอาหารน้อยเกินไปจนร่างกายได้รับพลังงานต่ำกว่าที่แนะนำไว้ เพราะนอกจากจะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ คิดอะไรไม่ค่อยออก หงุดหงิดง่ายแล้ว ยังส่งผลในระยะยาวต่อสุขภาพในระยะยาว

Photo by Brooke Lark & Photo by kazuend on Unsplash
Story By sanook

(220)