มหศัจรรย์นกอีแจว เจ้าของฉายา Jesus birds

พกขาอะไหล่มาด้วยหรอ ภาพนี้ไม่ใช่นกพิการและไม่ใช่ภาพตัดต่อ แต่เป็นพ่อนก Jacana หรือ นกอีแจว (ชื่อวิทยาศาสตร์ Hydrophasianus chirurgus) ที่กำลังหอบหิ้วลูกๆ ไว้ใต้ปีกเพื่อดูแลความปลอดภัย พวกมันเป็นนกน้ำที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในเขตร้อนชื้นทั่วโลก ขนมีสีน้ำตาลอมแดง น้ำหนักเบา ขาและนิ้วของพวกมันมีความยาวเป็นพิเศษ ซึ่งสามารถช่วยให้พวกมันเดินบนใบไม้เหนือน้ำ เพื่อหาสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร จนทำให้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “Jesus birds”

ลักษณะเด่นร่วมเช่นเดียวกับนกในวงศ์นกพริกและนกอีแจว (Jacanidae) คือ มีนิ้วตีนและเล็บตีนยาวเพื่อช่วยพยุงตัวขณะเดินบนใบพืชลอยน้ำในถิ่นอาศัยหนองน้ำตื้น บางครั้งอาจว่ายน้ำหรือลุยน้ำที่ลึกถึงต้นขาขณะหาอาหาร นกอีแจวกินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นหลัก พบได้ตามแหล่งน้ำจืดในเอเชียเขตร้อน ตั้งแต่เยเมนทางตะวันตกไปจนถึงฟิลิปปินส์ทางตะวันออกและอาจอพยพในบางช่วงตามฤดูกาล เป็นนกชนิดเดียวในวงศ์ที่อพยพเป็นระยะทางไกล

นกอีแจวมีลักษณะโดดเด่นมากที่สีขนและขนหางที่ยาว ซึ่งยาวที่สุดในวงศ์นกพริกและนกอีแจว และเป็นชนิดเดียวในวงศ์มีชุดขนนอกฤดูผสมพันธุ์และในฤดูผสมพันธุ์ที่แตกต่างกัน โดยเปลี่ยนขนเมื่อใกล้ฤดูผสมพันธุ์ ชุดขนนอกฤดูผสมพันธุ์ หน้าผากถึงท้ายทอยน้ำตาลเข้ม หน้าและคอขาวมีแถบตาต่อเนื่องถึงแถบอกสีดำ ข้างคอเหลือง ลำตัวด้านบนน้ำตาล ลำตัวด้านล่างขาว คล้ายนกพริกที่ยังไม่เต็มวัย แต่ขณะบินปีกขาวปลายปีกดำ ส่วนชุดขนในฤดูผสมพันธุ์ ขนหางคู่กลางจะยื่นยาวออกไปอีก 25 เซนติเมตร ยาวมากกว่าปกติถึง 10 เท่า เป็นที่มาของชื่อนกอีแจวในภาษาอังกฤษ นกอีแจวหางไก่ฟ้า (pheasant-tailed jacana)

นกชนิดนี้จะผสมพันธุ์กันในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ทำรังแบบง่าย ๆ ส่วนมากจะใช้จอกหูหนูและพวกสาหร่ายมากองรวมกันอย่างลวก ๆ บนแพของจอกหูหนู ไข่มีสีเขียวแกมน้ำตาล ในแต่ละรังมีไข่ 3-4 ฟอง ระยะเวลาฟักไข่ 24-26 วัน โดยตัวผู้ตัวเดียวจะเป็นผู้ฟักไข่และเลี้ยงลูก ส่วนตัวเมียจะไปจับคู่ใหม่ ซึ่งอาจมีการจับคู่ได้ถึง 4 คู่ในช่วงเวลาฤดูผสมพันธุ์หนึ่ง

ภาพ Charl Stols

(411)