ชาวโรมันโบราณมีวิธีการที่น่ากลัวต่าง ๆ ในการประหารชีวิต โดยผู้ที่ถูกประหารชีวิตเพราะความผิดตั้งแต่การข่มขืน การฆ่าสังหาร ไปจนถึงการล่วงประเวณี การหมิ่นประมาท และการทรยศ จะใช้วิธีการที่เรียกว่า poena cullei หรือ “การลงโทษโดยการโยนกระสอบ” ซึ่งผู้ที่ถูกประหารจะถูกจับลงถุงกระสอบหนังพร้อมๆ กับสัตว์ซึ่งมักจะเป็นไก่ สุนัข ลิง และงูทั้งๆ ที่ยังมีชีวิต เย็บปากกระสอบให้สนิทแล้วโยนลงไปในน้ำ และวิธีการประหารชีวิตอีกวิธีหนึ่งที่ใช้สำหรับอาชญากรที่มีโทษรุนแรง อย่างทาสที่หลบหนี และชาวคริสเตียน คือการโยนนักโทษลงไปในหลุมเพื่อให้สัตว์ป่ากิน สถานที่ โคลอสเซียม มักจะถูกใช้ในการประหารประเภทนี้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ damnatio ad bestias หรือ “การลงโทษด้วยสัตว์ร้าย”
การประหารบางรูปแบบถูกใช้สำหรับอาชญากรรมที่เฉพาะเจาะจง เช่น การฝังทั้งเป็น ซึ่งถูกใช้ตัดสินโทษสาวพรหมจารี หากพบว่าละเมิดการถือพรหมจรรย์ และการตรึงกางเขน ซึ่งชาวโรมันโบราณถือว่าบทลงโทษนี้เป็นวิธีที่เจ็บปวด และน่าอับอายมาก
การประหารชีวิตอีกวิธีหนึ่งที่ใช้สำหรับฆาตกร และผู้ทรยศเท่านั้น คือ การเหวี่ยงพวกเขาตกจากหน้าผาสูง ซึ่งเป็นหน้าผาใต้ของยอดเขา Capitoline ซึ่งสามารถมองเห็นสภาโรมันในกรุงโรมโบราณ หน้าผานี้เรียกว่า ผาหิน Tarpeian ซึ่งตั้งชื่อตามหญิงผู้ทรยศ หนอนบ่อนไส้พยายามขายกรุงโรมให้กับศัตรูเพื่อแลกกับทองคำ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกหักหลังแทน ชื่อของเธอ คือ Tarpeia เธอเป็นลูกสาวของ Spurius Tarpeius ผู้บัญชาการรับผิดชอบในการป้องกันแนวเขา Capitoline
ตำนานกล่าวว่า Tarpeia เข้าหากษัตริย์แห่ง Sabine ราชาTitus Tatius เขาโจมตีกรุงโรมในศตวรรษที่ 8 และเสนอให้ Tarpeia เปิดประตูป้อมเพื่อแลกกับกำไลทองที่พวกเขาสวม ในตำนานบางเวอร์ชั่นกษัตริย์แห่ง Sabine รู้สึกถึงความโลภในสายตาของเธอจึงติดสินบนเพื่อให้เปิดประตูป้อมปราการ หลังจากที่ Tarpeia ยอมให้นักรบแห่งเมือง Sabine เดินผ่านเข้าไปในเมือง แต่แทนที่เธอจะได้รับทองคำเป็นการตอบแทน เธอกลับถูกหักหลังโดยการทุบตีด้วยโล่จนตาย เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ชาว Sabine ก็เกลียดชังการกระทำของเธอ และลงโทษเธอที่ทรยศต่อชาวเมืองโรม
ตามตำนานเล่าว่าศพของ Tarpeia นั้นถูกฝังอยู่ใต้หน้าผาตามชื่อของเธอ และอีกหลายศตวรรษต่อมาผู้ทรยศทั้งหมดก็ถูกโยนลงมาจากหิน Tarpeian ซึ่งถือว่าเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
การประหารชีวิตโดยการโยนจากผาหิน Tarpeian นั้นมีอย่างต่อเนื่องจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 1 กระทั่งมันถูกห้ามตามกฎหมาย
(819)